หลายท่านคงเคยได้ยินข่าวการปล่อยเงินกู้สายโหดแบบบาทต่อบาท หรือ เงินกู้ดอกเบี้ย 100% ซึ่งถือเป็นปัญหาสังคมของประเทศไทยมายาวนาน จนก่อผลกระทบเป็นปัญหาสังคมอื่นๆ ตามมาอีกมากแม้แต่ปัญหาอาชญากรรมระดับค้ามนุษย์เพราะเรียกหลักประกันแบบใช้คนขัดดอก ไปจนถึงอาชญากรรมฆ่าล้างหนี้และฆ่าเคลียร์หนี้ให้เห็นเป็นข่าวอยู่เนืองๆ
แต่โลกของ DeFi หรือ Decentralized Finance กับดอกเบี้ย หรือ ผลตอบแทนการลงทุนทะลุ 100% นั้นถือว่าเป็นเรื่องปกติเพราะมีให้เห็นอยู่ดาษดื่น ซึ่งหลายคนกลัวมากกว่าจะตื่นเต้นและอยากจะลงทุน… แต่หลายคนก็รุ่มร้อนจากข้อมูลข่าวสาร และ คำโฆษณาให้เห็นมีอาการเหมือนโดนป้ายยาจนอยู่ไม่สุข
โดยเฉพาะการลงทุนกับ Yield Farming หรือ ฟาร์มคริปโต ซึ่งไม่ต่างจากการตั้งตัวเป็นนายทุนปล่อยกู้ดอกโหด แต่มีความเสี่ยงเดียวให้กังวลคือ เงินต้นจะหายเมื่อไหร่เท่านั้นเอง… แต่ถ้าไม่หายก็แปลว่ากำไรเพียบโดยไม่ต้องเพลียใจกับลูกหนี้และอะไรหยุมหยิมอื่นอีก
ในทางเทคนิค Yield Farming ถือว่าเป็นศูนย์กลางของบริการอื่นๆ ในโลก DeFi ที่เกิดขึ้นเพื่อให้ “การเงินการลงทุนแบบไร้ศูนย์กลาง หรือ DeFi หรือ Decentralized Finance” เกิดขึ้นได้จริงจนระบบธนาคารแบบเก่า ซึ่งเป็นระบบการเงินที่มีธนาคารเป็นศูนย์กลาง… สั่นสะเทือนจนเห็นการปิดสาขา และ ปรับโมเดลธุรกิจธนาคารเหมือนกันทั่วโลก
นั่นแปลว่า… DeFi หรือ Decentralized Finance ไม่ใช่ฟองสบู่อย่างที่ความเห็นจากฝ่ายที่ไม่เข้าใจว่า โลกคริปโตเขาเล่นอะไรกัน ตั้งข้อสังเกตุถกเถียงโต้แย้งไว้… เพราะถ้าเชื่อว่าเป็นแค่ฟองสบู่ ท่านเหล่านั้นก็คงไม่มานั่งเสียเวลาตั้งข้อสงสัยหรือวิเคราะห์หาอะไร… และเราจะเห็นธนาคารปรับตัวกันขนาดนี้ได้อย่างไร เพราะธนาคารไม่ได้ปิดสาขาเพื่อถอยไปให้บริการเฉพาะในแอพ หรือ ออนไลน์เท่านั้น แต่เงินทุนจากธนาคารส่วนหนึ่งนั่นเองที่ไหลเข้ามาลงทุนในระบบนิเวศ DeFi… ซึ่งบางโมเดลจากทุนก้อนใหญ่อย่างธนาคารสามารถสร้างผลตอบแทนการลงทุนได้มากกว่า 500% ต่อปีก็มี…
ฟาร์มคริปโต หรือ Yield Farming เป็นแพลตฟอร์มระดมทุนคล้ายกับการตั้งกองทุน เพื่อให้นักลงทุนเอาคริปโตในสกุลที่กำหนดมาซื้อหน่วยลงทุน ซึ่งแพลตฟอร์มจะออกหน่วยลงทุนเป็น Token ให้ถือไว้แทนคริปโตที่วางฟาร์ม หรือ ฝากไว้… โดยแพลตฟอร์มจะนำคริปโตของนักลงทุนไปให้บริการแลกเปลี่ยน หรือ Exchange เพื่อหารายได้จากค่าธรรมเนียมและส่วนต่างอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งนักลงทุนสาย DEX หรือ Decentralized Exchange ที่นิยมเทรด “คู่เหรียญคริปโตกับคริปโต” จะซื้อขายเก็งกำไรกับแพลตฟอร์ม DEX มากกว่าเพราะนอกจากค่าธรรมเนียมรวมๆ จะถูกกว่ามากแล้ว ยังไม่ต้องรอจับคู่คำสั่งซื้อขายเหมือนกระดานเทรดมาตรฐาน
ประเด็นก็คือ… Yield Farming มีต้นทุนในการจัดการสินทรัพย์ และ เงินลงทุนต่ำกว่าแพลตฟอร์มการลงทุนทุกแบบเท่าที่โลกนี้เคยมีมา นั่นทำให้ดอกผลจากค่าธรรมเนียม และ กำไรที่แพลตฟอร์ม DeFi และ Yield Farming เคลื่อนย้ายคริปโตไปลงทุนซื้อขายแลกเปลี่ยน… สามารถนำกำไรและส่วนต่างมาแบ่งปันหุ้นส่วนที่ถือหน่วยลงทุนเป็น Token ของแพลตฟอร์มอยู่… ไม่ต่างจากการจ่ายเงินปันผลนั่นเอง… เพียงแต่กำไรจากฟาร์มคริปโตตอนไม่โดนอะไรเจ็บๆ จากความเสี่ยง มันดูอู้ฟู่กว่าการฝากเงินกินดอก หรือ ปล่อยกู้เก็บดอกเบี้ยอย่างเทียบกันไม่ได้
ปัญหาก็คือ… DeFi และ Yield Farming มีความเสี่ยงอันเนื่องมาจากการเป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ไร้สัญชาติ และ อยู่นอกกฏหมายหรือการคุ้มครองใดๆ ซึ่งนักลงทุนต้องรับผิดชอบตัวเอง ซึ่งความเสี่ยงหลักๆ ที่นักลงทุนฟาร์มคริปโตจะต้องเข้าใจว่ามีอยู่โดยหลักๆ ก็คือ
- ความเสี่ยงจากราคาผันผวนในโลกคริปโต ซึ่งก็คือความเสี่ยงเดียวกันในระบบนิเวศ DeFi และ Yield Farming
- ความเสี่ยงจากการถูกโจรกรรมออนไลน์ หรือ Hack ก็จะมีความเสี่ยงเท่ากับการมีคริปโตถือครองล่อโจรออนไลน์เช่นกัน
- มีความเสี่ยงในกรณีการหลอกลวง หรือ SCAM และ RUG Pull ซึ่งเป็นการเปิดแพลตฟอร์มหลอกเอาเงินนักลงทุนโดยตรงแล้วปิดแพลตฟอร์มหนีดื้อๆ หรือ ไม่ก็ปล่อยรอยรั่วบน Smart Contract ให้แพลตฟอร์มและนักลงทุนถูกโจรกรรม หรือ ถูกแฮกโดยไร้การรับผิดชอบ
การลงทุนกับ DeFi และ Yield Farming จึงจำเป็นต้องระมัดระวังสูงสุด และ ควรใช้เงินลงทุนที่ท่านสูญเสียได้เท่านั้น โดยไม่ลืมที่จะ Harvest หรือ เก็บเกี่ยวผลตอบแทนการลงทุนทันทีที่ทำได้… และกระจายการลงทุนไปกับหลายแพลตฟอร์ม โดยเลือกเฉพาะแพลตฟอร์มที่มีการตรวจประเมิน หรือ Audit จากผู้ตรวจสอบภายนอกที่เชื่อถือได้… ซึ่งแนะนำให้ท่านทำการบ้านและหาข้อมูลอย่างสม่ำเสมอถ้าอยากเป็นเกษตรกรคริปโตผู้มีรายได้เติบโต