ในวารสารของ TCDC ฉบับ เจาะเทรนด์โลก 2020 ระบุให้ Generation Z มีอายุตั้งแต่ 4-24 ปีครับ… ก็อย่างที่ทราบ เรื่องตัวเลขอายุกับการกำหนด Generation ไม่ใช่เรื่องหลักที่ต้องกังวล… แต่ให้ดูพฤติกรรมการบริโภคเป็นสำคัญ

กลุ่ม GenZ ถือว่าเป็นกลุ่มที่ยังไม่มีรายได้เป็นของตัวเองก็จริง… แต่คนกลุ่มนี้กลับมีค่าใช้จ่ายสูงกับอะไรๆ มากมายทั้งทางตรงและทางอ้อม… ง่ายๆ ตรงๆ สำหรับคน GenZ หรือกลุ่มเด็กและวัยรุ่นในช่วงนี้ ต่างมีค่าใช้จ่ายใกล้เคียงกับผู้ใหญ่ โดยที่ผู้ใหญ่เป็นคนจ่าย… เช่น
เด็กๆ ต้องไปโรงเรียนทำให้พ่อแม่ผู้ปกครองต้องขับรถออกจากบ้านแต่เช้า ต้องหาอาหารเช้าให้เด็กๆ… ซึ่งหลายท่านจะทราบดีว่า Demand จากเด็กๆ สร้างโอกาสมากมายในวงการธุรกิจ… ยอดขายน้ำมันลดลงอย่างมีนัยยะเสมอช่วงเด็กๆ ปิดเทอม… ร้านหมูกะทะใกล้มหาวิทยาลัย เงียบเหงาซบเซาเสมอระหว่างมหาวิทยาลัยปิดเทอม… ในขณะที่ใกล้สอบรายการสำคัญๆ อย่าง GAT/PAT ธุรกิจที่คึกคักสุดๆ ก็ยังเป็นโรงเรียนติวและครูสอนพิเศษ จนสร้างห่วงโซ่ทางเศรษฐกิจอื่นๆ เป็นโซ่ตามมามากมาย
มาดูพฤติกรรมที่น่าสนใจของคน GenZ กันบ้าง… ผู้บริโภค GenZ จะใจกว้างและเปิดกว้างที่สุดในการตั้งรับกับสิ่งแปลกใหม่ หรือการเปลี่ยนค่านิยมใหม่ๆ ที่แตกต่างไปจากเดิม รายงานของ Pew Research Center ระบุว่า เด็ก GenZ 35% ในสหรัฐอเมริกายินดีที่จะเปลี่ยนแปลงคำนำหน้าชื่อ ซึ่งเดิมถือเป็นคำระบุเพศที่ถูกนิยามความเป็นตัวตนไว้ โดยเลือกใช้คำนำหน้าหรือเรียกบุคคลอื่นด้วยสรรพนาม Ze แทน She/ He/ They และใช้คำว่า hir แทนคำคุณศัพท์แสดงความเป็นเจ้าของอย่าง Her/Hers/ Him/ His/ Their/ Theirs อาจดูเป็นเรื่องไม่น่าเชื่อว่า ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษที่ใช้กันมายาวนานจะเปลี่ยนแปลงได้ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับการเปลี่ยนแปลงนี้ เพราะในปี 2020 จำนวนของเด็ก GenZ ที่เติบโตขึ้นอยู่ที่ราว 40% คิดเป็น 4 พันล้านคน ถือว่าเป็นจำนวนที่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงให้แก่โลกได้
GenZ ช่วงวัยรุ่นวางแผนการใช้ชีวิตไม่ต่างไปจาก GenY มากนัก โดยเฉพาะการวางแผนเก็บเงินซื้อบ้านหรืออสังหาริมทรัพย์ เพื่อเป็นการลงทุนสำหรับชีวิตระยะยาว รายงานจาก Zillow ระบุว่า GenZ 86% เลือกมองที่อยู่อาศัยใกล้โรงเรียนและที่ทำงาน เพราะต้องการประหยัดค่าเดินทางมากกว่าจะคิดเรื่องสภาพแวดล้อมหรือสังคมเพื่อนบ้าน นอกจากนี้ยังคิดวิธีการหาเงินตั้งแต่อายุยังน้อย รวมถึงมีทัศนคติเรื่องการเรียนต่อและทำงานที่ต่างจากเจเนอเรชั่นก่อนๆ ตรงที่… เด็กวัยนี้ไม่แยกการเรียนและงานออกจากกัน เพราะถือว่าการเรียนคือการเดินทางสู่ชีวิตวัยทำงาน… ดังนั้นหากรู้ความชอบของตัวเองในช่วงวัยเรียนก็สามารถลงมือทำงานที่เกี่ยวข้องได้เลย
คน GenZ ถือว่าเป็น Age of Digital Overload… ความท้าทายในแต่ละวันมักขึ้นอยู่กับสถานะทางโซเชียลมีเดีย รายงานจาก Common Sense Media เปิดเผยว่ากลุ่มคนวัยนี้ใช้เวลาอยู่ในโลกออนไลน์เฉลี่ยยาวนานถึง 9 ชั่วโมงต่อวัน… 60% ที่ใช้โซเชียลมีเดียเทียบเท่ากับการถือศีล และที่จำเป็นต้องเช็กตลอดเวลา ก็เพราะไม่เช่นนั้นจะรู้สึกไม่ทันโลกและผิดต่อเพื่อนในโลกโซเชียล
แคมเปญหรือแพลตฟอร์มที่เกี่ยวข้องกับการเพิ่มคุณค่าและความมั่นใจในตนเอง มักทำให้เจนซีสนใจมากกว่ากิจกรรมสร้างความสมบูรณ์แบบในความเป็นหญิงหรือชาย เช่น กิจกรรมส่งเสริมสิทธิในเด็กของแอพพลิเคชั่น Sheboard ที่ให้กำลังใจและสร้างทัศนคติที่ดีเพื่อความมั่นใจสำหรับเด็กผู้หญิง ซึ่งได้กลาย
เป็นแอพพลิเคชั่นที่ได้รับความนิยมในหมู่วัยรุ่นชาวฟินแลนด์ นอกจากกิจกรรมที่สามารถดึงความมั่นใจและไม่จำกัดเรื่องเพศจะดึงดูดให้ GenZ เข้าร่วมแล้ว กิจกรรมที่ไม่จำกัดอายุหรือเจเนอเรชั่นก็เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ช่วยเสริมความมั่นใจและพัฒนาตนเองได้ โดยที่ GenZ ไม่รู้สึกว่าถูกกีดกันทางความคิด
แม้ GenZ จะเสพติดสื่อโซเชียลแต่ก็นับเป็นเจนที่รู้สึกเหงามากที่สุด เพราะการเติบโตมาพร้อมกับโลกออนไลน์ จึงไม่ถนัดแสดงออกและสื่ออารมณ์กับผู้คนในโลกแห่งความจริง หรือถ้าต้องการแสดงออกก็มักจะเล่นใหญ่ด้วยการแสดงออกอย่างสุดขั้ว อย่างกรณีของ Michael Schulte นักร้องวัยรุ่นผู้ต้องเข้ารับคำปรึกษากับนักจิตวิทยา ด้วยเหตุผลจากอาการหวาดระแวงและกลัวว่าการกระทำหรือการแสดงออกของตนจะไม่ได้รับความนิยมหรือถูกตำหนิจากโลกโซเชียล ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ ยังส่งผลต่อความหวาดระแวงและไม่เชื่อใจใครง่ายๆ ดังนั้นการเลือกเข้าช่องออนไลน์หรือแพลตฟอร์มของเด็กกลุ่มนี้ จึงมักเลือกจากช่องทางที่ให้พื้นที่ส่วนตัว รู้สึกปลอดภัย และ สามารถโพสต์รูปหรือเขียนข้อความได้อย่างอิสระโดยไม่ถูกจับผิด
We/Me คือแนวความคิดที่ทำให้เจเนอเรชั่นซีกลายเป็นนักท่องเที่ยววัยทีนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากที่สุด สำหรับการเที่ยวในแต่ละครั้ง ประสบการณ์ที่ได้ต้องสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงให้ตนเองและสังคมในทางที่ดีขึ้น รายงานจากบริษัท Contiki ระบุตังเลข 97.5% เชื่อว่าประสบการณ์คือสิ่งสำคัญสำหรับชีวิต จึงไม่เกรงกลัวที่จะออกเดินทางสู่โลกกว้างสิ่งอำนวยความสะดวกและบริการที่ต้องการ

บริการที่ไม่ต้องกรอกข้อมูลหรือระบุคำจำกัดความเรื่องเพศ อย่างการลงทะเบียนในเว็บไซต์ Google ที่ได้รับเสียงตอบรับมากที่สุดจาก GenZ หรือการทำธุรกรรมธนาคารของ Metro Bank และ Bank of Scotland ที่อนุญาตให้ลูกค้าสามารถใช้คำนำหน้าชื่อเป็น Mx หรือไม่เลือกคำสรรพนามใดเลยก็ได้ เพื่อการบริการที่สบายใจและถือเป็นมารยาทในการให้บริการที่ไม่ควรเฟ้นหาคำจำกัดความในความเป็นมนุษย์
Eco-Friendly เปรียบเสมือนกฎการเลือกซื้อสินค้าและการบริการของ GenZ ผลสำรวจปี 2018 จาก Piper Jaffray พบว่าภายใน 1 ปี American GenZ ใช้จ่ายไปกับสินค้าสกินแคร์ และผลิตภัณฑ์เสริมความงามเพิ่มขึ้น 18% ซึ่งนับว่าเร็วกว่าคนกลุ่ม GenY ในช่วงวัยเดียวกัน ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ GenZ ให้ความสนใจมักอยู่ในกลุ่มสินค้าที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ รู้จักดูแลตัวเองไม่เฉพาะในเด็กผู้หญิง พบว่า 85% ของลูกค้าช่วงอายุ 12-24 ปี เข้าไปรักษาสิวที่คลินิกความงามบ่อยจนกลายเป็นความเคยชิน
ในมิติการลงทุน… ปี 2020 ในสหรัฐอเมริกาจะมีจำนวนเจนซีมากถึง 1ใน 3 ของจำนวนเจเนอเรชั่นทั้งหมดซึ่งนักลงทุนรุ่นเยาว์เหล่านี้จะเป็นผู้ครองตลาดที่พักอาศัยให้เช่า ไปจนถึงการมองหาแพลตฟอร์มที่เกี่ยวข้องกับการออมเงินเพื่อซื้อบ้านเป็นของตนเอง เว็บไซต์ Multifamilybiz.com เผยว่าผู้เช่ารุ่นเยาว์กำลังเข้ามาครองตลาดอพาร์ทเมนต์หรือหอพักขนาดเล็ก เพื่อตอบโจทย์การเรียน ทำงานวางแผนครอบครัว ซึ่งถือเป็นการลงทุนระยะยาวโดยจะเลือกแหล่งที่อยู่หรือแหล่งให้กู้เงินลงทุนที่ให้เครดิตในสถานะนักเรียน หรือมีลักษณะเป็นที่อยู่อาศัยสำหรับนักเรียนทุนที่สามารถทำงานด้วยเรียนไปด้วย และมีผลงานด้านกิจกรรมที่ดี
GenZ ไม่อิงการซื้อสินค้าหรือเข้าร่วมกิจกรรมจากอินฟลูเอนเซอร์ การทำตามกระแสของเจนซี คือการมองหาความต่างในวัฒนธรรมย่อย ค้นข้อมูลจากศูนย์กลางที่รวมตัวจากผู้ชอบสิ่งที่เหมือนกัน หรือสร้างแพลตฟอร์มและรวมตัวผู้ที่สนใจเรื่องเดียวกันด้วยตนเอง กล้าที่จะเข้าไปในสังคมต่างเมืองซึ่งมีวัฒนธรรมที่แตกต่าง เสพงานศิลปะ หรือรวบรวมความสุนทรียะให้กลายเป็นประสบการณ์อันล้ำค่า เพื่อบอกต่อในโลกออนไลน์ เรียกไลฟ์สไตล์นี้ว่า Friendly Digital Nomad เพราะไม่เพียงเข้าไปในแหล่งชุมชนต่างถิ่น แต่การท่องเที่ยวสไตล์ GenZ ยังชื่นชอบการสร้างประสบการณ์ร่วมกับคนในชุมชน ทั้งการเวิร์กช็อปงานฝีมือ ร่วมทำแคมเปญกับชาวบ้านเพื่อฟื้นฟูสภาพแวดล้อมซึ่งจะเข้าร่วมทั้งในฐานะอาสาสมัคร นักท่องเที่ยว

รวมถึงชวนครอบครัวไปทำประโยชน์ร่วมกัน… โดยผลสำรวจจาก WWF พบว่านักท่องเที่ยวอายุระหว่าง 18-25 ปี ให้ความสำคัญกับการแยกขยะ ซึ่ง 95% เลือกงดใช้ถุงพลาสติกหรือรับหลอดตลอดการท่องเที่ยว