13 ธันวาคมที่ผ่านมา… เวบไซต์ Forbes.com ได้เผยแพร่ ข้อมูลจุดหมายปลายทางสำหรับคนที่ต้องการแรงบันดาลใจในการเดินทางมาแนะนำ ซึ่งเป็นข้อมูลจากกองบรรณาธิการ Forbes Travel Guide ได้คัดเลือกจากข้อมมูลที่น่าสนใจมาแบ่งปัน… มาดูด้วยกันเลยครับว่ามีเมืองไหนประเทศอะไรบ้างที่น่าสนใจ
1. Las Vegas

Las Vegas ถือเป็นเมืองหลวงของคาสิโนและเมืองบาป หรือ Sin City ที่มีเรื่องตื่นเต้นให้สัมผัสตลอดเวลา เป็นมหานครที่ไม่เคยหลับไหล และมีความเคลื่อนไหวที่ดึงดูดผู้คนจากทั่วโลก… โดยมีของเล่นใหม่ๆ อย่างสนามกอล์ฟระดับ 4 ดาวของ Wynn Las Vegas… ร้านอาหารชื่อ Ayesha Curry’s ใน MGM Grand… รวมทั้งศูนย์ประชุมขนาด 1.4 ล้านตารางฟุตของ The Las Vegas Convention Center ที่คาดว่าจะดึงดูดผู้คนมากมายให้ต้องเดินทางมา Las Vegas… โดยเฉพาะการแข่งขัน NFL ที่ Allegiant Stadium ด้วย
2. Tel Aviv

นครเทลอาวีฟ หรือ Tel Aviv หรือ Tel Aviv-Yafo เป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 ของประเทศอิสราเอล ตั้งอยู่บนชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน มีพื้นที่ 51.8 ตารางกิโลเมตร… เทลอาวีฟเป็นเมืองเศรษฐกิจที่สำคัญและเป็นเมืองที่มั่งคั่งที่สุดในอิสราเอล เป็นที่ตั้งของตลาดหุ้นเทลอาวีฟและศูนย์กลางการพัฒนาและวิจัยหลายแห่ง… มีชายหาด บาร์ คาเฟ่ ร้านอาหาร ร้านค้าราคาแพง ภูมิอากาศที่ดีและชีวิตคนเมือง ไปจนถึงแหล่งท่องเที่ยวทางอารยธรรมอย่างเยลูซาเล็ม ที่เพียงแค่ข้ามทะเลเมดิเตอเรเนียนไปก็คือยุโรป… Tel Aviv เป็น “แหล่งท่องเที่ยวปลดปล่อย” ของผู้คนย่านตะวันออกกลาง ทำให้เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ… และเป็นอีกหนึ่งเมืองที่ได้ฉายาว่าเป็น “นครที่ไม่เคยหลับไหล” เช่นกัน
3. Macau

มาเก๊าเป็นจุดหมายปลายทางหนึ่งของนักท่องเที่ยวชาวไทยมายาวนานพอๆ กับฮ่องกงและสิงคโปร์ และยังคงได้รับความนิยมอยู่เช่นเดิม แม้กระแสเที่ยวญี่ปุ่นเกาหลีของคนไทยจะฮือฮาและทำเอาต่อม FOMO หลายคนเผลอควักกระเป๋าตังค์ไปไม่น้อย… แต่ Forbes ก็มองว่า มาเก๊าที่เพิ่งฉลองเอกราชจากโปรตุเกตครบ 20 ปีไปเมื่อ 20 ธันวาคม 2019 ที่ผ่านมา… ยังเหลือเสน่ห์แบบจีนกวางตุ้งผสมโปรตุกีส ให้น่าค้นหาอยู่มากโดยเฉพาะคาสิโนในมาเก๊า ที่เป็นรองก็แต่ Las Vegas เท่านั้น… ยิ่งมีสะพานใหม่ฮ่องกง-จูไห่-มาเก๊า การไปมาเก๊าจะยิ่งง่ายและดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากกว่าเดิม
4. Nashville

แนชวิลล์เป็นเมืองหลวงของรัฐ Tennessee ได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงของเพลงคันทรีโลก หรือ Country Music Capital of the World… ที่นี่เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวแนวสุขภาพ และดนตรี… ว่ากันว่า Nashville เป็นจุดหมายปลายทางที่หญิงสาวอเมริกันส่วนใหญ่อยากไป… ข้อมูลของ Forbs ชี้ว่า… Nasville ขยายสวนสัตว์ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมเท่าตัว และมีโรงแรมห้าดาวเพิ่มขึ้นอีกสองแห่ง ที่บ่งชี้ว่า… เมืองแนชวิลล์มีคนเดินทางไปมากขึ้นอย่างน่าสนใจ
5. US Virgin Islands and British Virgin Islands

หมู่เกาะแคริเบียนไม่เคยเหือดแห้งนักท่องเที่ยวที่นิยมชายหาดกับอากาศอบอุ่นมาแต่ไหนแต่ไร… หลังเหตุการภัยพิบัติจากพายุเฮอริเคน Irma… สถานที่หลายแห่งได้รับการบูรณะใหม่อย่างน่าสนใจ อย่างเช่นกรณีของโรงแรม The Ritz-Carlton ใน St. Thomas เขต US Virgin Islands ที่กลับมาเปิดให้บริการใหม่หลังจากทุ่มงบประมาณปรับปรุงไปมากกว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
6. Okinawa

เมืองโอกินาว่าเจ้าของฉายา Hawaii of Japan แต่สงบเงียบในแบบญี่ปุ่นที่ดีต่อประสบการณ์ท่องเที่ยวแบบ Wellness Journey and Retreats ที่มีให้แม้แต่บริการเฉพาะผู้ใหญ่ หรือ Adults-only ที่โดดเด่นเช่นที่.. . Hyakuna Garan หรือที่ The Ritz-Carlton, Okinawa ที่มีทั้ง Open-Air Bath และ บริการ Esthetic Spa หรือสปาเสริมความงามที่หญิงสาวส่วนใหญ่ฝักใฝ่และฝันถึง
7. Dubai

ดูไบถือเป็นมหานครแห่งความหรูหราที่อารยธรรมอาหรับและเทคโนโลยีผสมกันอย่างลงตัว… ดูไบกำลังเตรียมงาน World Expo 2020 ระหว่างวันที่ 20 ตุลาคม 2020 – 10 เมษายน 2021 ที่ข่าวว่าเวอร์วังอลังการตามสไตล์ดูไบที่ต้องหรูหรา ยิ่งใหญ่และไฮเทคสุดๆ
8. Tokyo

โตเกียวกำลังจะเป็นเจ้าภาพโอลิมปิก 2020 ที่คาดว่าจะมีนักเดินทางเข้าโตเกียวคึกคักตลอดปี รวมทั้งการเปิดตัวของ Universal Studios Japan’s Super Nintendo World. ที่จะเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวให้ตรงมาโตเกียวต่อเนื่องไปได้อีกนานาแสนนานทีเดียว
9. Edinburgh

Edinburgh หรือ เอดินบะระ เป็นเมืองหลวงของสก็อตแลนด์ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานนับพันปี มีชื่อเสียงด้านการท่องเที่ยว โดยมีปราสาทและโบราณสถานมากมายดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้มาเยือนปีละหลายล้านคน… ที่ Edinburgh มีเรื่องเล่าของถนนทุกเส้น… ปราสาททุกหลัง… รวมทั้งเรื่องเล่าของ Johnnie Walker ด้วย
10. Sonoma, California

Somana อยู่ไม่ไกลจาก San Francisco เท่าใดนัก ถือเป็นเขตผลิตองุ่นและไวน์ขึ้นชื่อในสหรัฐอเมริกาแห่งหนึ่ง ที่สามารถผลิตไวน์คุณภาพสูงป้อนตลาดโลก… ที่ Sonoma County กำลังเตรียมงานเทศกาลหนังนานาชาติในวันที่ 25-29 มีนาคมนี้… แน่นอนว่า Somana คงคึกคักขึ้นกว่าเดิมอีกมากทีเดียว
11. Riyadh, Saudi Arabia

Riyadh หรือกรุงริยาดอันเป็นเมืองหลวงของซาอุดิอาระเบีย ถือเป็นมหานครที่เติบโตก้าวหน้าที่สุดเมืองหนึ่งในตะวันออกกลาง… รัฐบาลซาอุดิอาระเบียได้เพิ่มวีซ่าแบบท่องเที่ยวหรือ Tourist Visa เป็นครั้งแรกและเปิดประเทศเพื่อการท่องเที่ยวโดยมีเป้าหมายจะต้อนรับนักท่องเที่ยวกว่า 100 ล้านคนในปี 2030
12. Rome

กรุงโรมเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานนับพันๆ ปี… ปี 2019 กรุงโรมเพิ่งจัดงานฉลองครบรอบ 500 ปีการจากไปของดาวินชี่ หรืองาน Celebrated the 500th Anniversary of Da Vinci’s Death in 2019 และในปี 2020 จะมีงานเชิดชูเกียรติ 2563 แก่ราฟาเอลจิตรกรสมัยเรอเนซองส์ โดยการจัดนิทัศการ Scuderie del Quirinale ในวันที่ 5 มีนาคมถึงวันที่ 14 มิถุนายน 2020 นี้ด้วย
13. Kohler, Wisconsin

เมืองเล็กๆ ทางฝั่งตะวันออกของสหรัฐอเมริกา เงียบสงบและ Slow life ของแท้ที่หาได้ยากในสหรัฐ… ที่ Kohler มีชื่อเสียงในเรื่องสปาและกอล์ฟ ที่คนส่วนหนึ่งในสหรัฐอเมริกาตามหา Slo-Mo ที่กำลังเป็นเทรนด์ใหม่ด้านการท่องเที่ยว
14. Monterey, California

อีกหนึ่งจุดหมายปลายทางที่ให้นักท่องเที่ยวได้จัดโปรแกรมแบบ Slo-Mo ที่คุ้มค่ากับการนั่งรถท่องเที่ยวบนถนนที่วิวสวยอาหารอร่อยตลอดเส้นทางจาก San Francisco ไป… ชายหาดสวย เงียบสงบและไกลจากความสับสนวุ่นวายแบบเมืองใหญ่อย่าง San Fancisco หรือ Los Angeles
15. Bangkok

Forbes ยกย่องกรุงเทพตามที่ UNESCO ยกย่องให้เป็น Creative City หรือกรุงเทพเมืองสร้างสรรค์ที่มีกิจกรรมหลากหลายรองรับนักท่องเที่ยวทั้งปี รวมทั้งแหล่งท่องเที่ยว อาหารและที่พักสุดหรูอย่าง Capella Bangkok, Four Seasons Hotel Bangkok at Chao Phraya River และ Mandarin Oriental
16. San Miguel de Allende, Mexico

คนทั่วไปเรียกชื่อเมืองนี้ว่าซานมิเกล หรือไม่ก็เรียกว่า SMA ซึ่งเป็นชื่อย่อมาจาก San Miguel de Allende นั่นเอง… ว่ากันว่า เมืองนี้ทั้งเมืองหันไปทางไหนก็จะเจอสถาปัตยกรรมโคโลเนียลแบบสเปนละลานตาเหมือนไปเดินในยุโรป… Forbes แนะนำประสบการณ์อาหารบนดาดฟ้าอย่าง Luna Rooftop Tapas Bar บนดาดฟ้าโรงแรม Rosewood San Miguel de Allende หรือไม่ก็ขึ้นบอลลูนชมวิวไปเลย
17. Jamaica

James Bond 007 ภาค 25 No Time To Die ถ่ายทำบางส่วนที่ Jamaica และที่นี่ยังมีบ้านพักตากอากาศของเอียน เฟรมมิ่งผู้เขียนเรื่อง James Bond 007 ด้วย… ทริปตามรอย 007 ภาค 25 ที่กำลังจะออกฉายจึงน่าสนใจขึ้นอีกเยอะ รวมทั้งงาน Half Moon Jamaica ริมหาดของโรงแรม Round Hill Hotel and Villas และมีนาคม 2020 ที่จะถึงนี้ยังจะเปิดตัว The Eclipse at Half Moon ที่ได้ชื่อว่าโรงแรมในโรงแรม
18. Maldives

Maldives ถือจุดหมายปลายทางแสนโรแมนติก ที่มีน้ำทะเลสีฟ้าใสๆ กับหาดทรายขาวๆ และต้นมะพร้าวในหมู่เกาะแสนสวยสะอาดตา และรีสอร์ทหรูหราที่ให้ได้อย่างเดียวคือพักผ่อน…
19. St. Petersburg, Russia

เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก หรือ Saint Petersburg เป็นเมืองท่าทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของรัสเซีย ตั้งอยู่ปากแม่น้ำเนวา ริมอ่าวฟินแลนด์ในทะเลบอลติก… สร้างขึ้นตั้งแต่รัชสมัยพระเจ้าซาร์ปีเตอร์มหาราช ปี ค.ศ. 1703… ถือเป็นเมืองสุดโรแมนติกในรัสเซียที่มีสถาปัตยกรรมและพิพิธภัณฑ์มากมายต้อนรับนักท่องเที่ยว… โรงแรมชื่อดังหลายแห่ง มีบริการรวมเข้าชมพิพิธภัณฑ์หลายแห่งที่ต้องลงทะเบียนก่อนเข้าชมด้วย… นอกจากนั้นในช่วงกรกฎาคมที่จะถึงนี้ St. Petersburg ยังเป็นเจ้าภาพการแข่งขันฟุตบอลรายการ UEFA Cup ด้วย
20. Cape Town

Cape Town เป็นเมืองใหญ่อันดับ 3 ของประเทศแอฟริกาใต้ ตัวเมืองตั้งอยู่ปลายแหลม Good Hope ฝั่งตะวันตก… ที่นี่เป็นเมืองสี่ฤดูในหนึ่งวันที่เต็มไปด้วยสีสัน… ที่ Cape Town มีบริการที่พักระดับไฮเอนด์ สถานที่ท่องเที่ยวหาชมยาก รวมทั้งอาหารชั้นเลิศไม่แพ้ที่ใดในโลก
20 จุดหมายปลายทางปีนี้ทั้งหมดเป็นเมืองที่ไปเพื่อหยุดเวลาดื่มด่ำให้มาก และเป็นจุดหมายปลายทางแบบพรีเมี่ยมที่ชวนสัมผัสประสบการณ์ท่องเที่ยวพร้อมที่พักระดับสี่ดาวห้าดาวทั้งหมด… และชัดเจนว่า กระแส Slow Missing Out มาเต็มจริงๆ สำหรับกระแสท่องเที่ยวระดับโลก
ขออภัยที่ไม่ได้ถอดความตามต้นฉบับ… มันเป็นสไตล์ Properea ไปแล้วครับ!
อ้างอิง