กรมธนารักษ์และนโยบายจัดเก็บรายได้เข้ารัฐปี 2564

THE TREASURY DEPARTMENT

ในขณะที่พวกเรากำลังลุ้นกับภาวะระบาดลุกลามของ COVID19 รอบใหม่ และความวิตกกังวลกับฐานะการคลังของชาติและเศรษฐกิจปากท้องของตัวเอง… อย่างน้อยก็มีข่าวดีจากกรมธนารักษ์ที่ทำงานเชิงรุกอย่างได้ผลมาตลอดปี พ.ศ. 2563 ในหลายๆ โครงการ โดยเฉพาะการจัดการให้ที่ราชพัสดุมากมาย และเข้าสู่การเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์หลายดมเดลอย่างน่าสนใจ พร้อมตั้งเป้าจัดเก็บรายได้ผ่านกรมธนารักษ์อย่างท้าทายถึงระดับหมื่นล้านบาททีเดียว

เมื่อ วันที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2564… คุณยุทธนา หยิมการุณ อธิบดีกรมธนารักษ์ และผู้บริหารกรมธนารักษ์ ร่วมกันแถลงข่าวว่า… ปีงบประมาณที่ผ่านมา กรมธนารักษ์ได้ดำเนินโครงการของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาลดความเหลื่อมล้ำของประชาชนในสังคม เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตด้านที่อยู่อาศัย และที่ทำกินโดยดำเนินการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ราชพัสดุ โดยการรับรองสิทธิด้วยการจัดให้เช่าที่ราชพัสดุภายใต้โครงการ “ธนารักษ์ประชารัฐ” ซึ่งจะเป็นส่วนช่วยให้คุณภาพชีวิตของประชาชนในสังคมมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และสามารถแก้ปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐได้ด้วย ตลอดจนเปิดตลาดชุมชนในพื้นที่แต่ละจังหวัดไปในคราวเดียวกันผ่านโครงการ “เปลี่ยนชุมชนเป็นห้องประชุมในที่ราชพัสดุ” โดยการสร้างโอกาสฟื้นฟูเศรษฐกิจในพื้นที่ให้แก่ผู้ประกอบการในชุมชน และประชาชนในพื้นที่ ซึ่งจะก่อให้เกิดการสร้างรายได้ในทุกระดับ                  

ทั้งนี้ อธิบดีกรมธนารักษ์ยังกล่าวต่อว่า สำหรับปีงบประมาณ 2564 กรมธนารักษ์เร่งรัดดำเนินงานเพื่อจัดเก็บรายได้ตามเป้าประสงค์ที่ตั้งไว้ และเน้นการบริการจัดการในเชิงสังคมให้แก่ประชาชนและประเทศชาติ ดังนี้

  1. ดำเนินการจัดให้เช่าที่ราชพัสดุประมาณ 3 หมื่นราย ที่กรมธนารักษ์ดำเนินการจัดให้เช่าแล้วเสร็จเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน 2563 มีประมาณเกือบ 10,000 ราย พร้อมแจกสัญญาเช่า ได้แก่ จังหวัดกาฬสินธุ์ นครราชสีมา และเชียงใหม่  เป็นต้น ซึ่งเมื่อรัฐรับรองสิทธิการใช้ที่ดินของราชการ โดยสร้างประโยชน์ในที่ดินนั้นให้แก่ประชาชนแล้ว ประชาชนสามารถใช้ประโยชน์เพื่อการอยู่อาศัย ทำการเกษตรกรรม หรือประกอบกิจการต่างๆ ในที่ดินของรัฐอย่างถูกต้องตามกฎหมายก็จะเป็นส่วนช่วยให้คุณภาพชีวิตของประชาชนในสังคมมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และสามารถแก้ปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐได้อีกทางหนึ่งด้วย
  2. ดำเนินการจัดเก็บรายได้เข้ารัฐไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท โดยจะดำเนินการจัดระเบียบการใช้ที่ราชพัสดุสำหรับหน่วยงานของราชการที่นำไปใช้ประโยชน์ เช่น การใช้พื้นที่เพื่อเชิงพาณิชย์ การเปิดเป็นร้านค้าสวัสดิการเชิงพาณิชย์ โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากหน่วยงานของราชการ รวมทั้งประชาชนและเอกชนที่นำที่ราชพัสดุซึ่งได้รับการเช่าแล้วนำไปใช้ผิดประเภท เช่น เช่าเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยแล้วนำไปประกอบกิจการการค้า ซึ่งจะต้องเสียค่าเช่าที่ราชพัสดุในอัตราที่สูงขึ้น ทั้งนี้ ทางกรมธนารักษ์ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2563 คาดว่าจะทำให้จัดเก็บค่าเช่าเข้ากรมธนารักษ์ได้มากขึ้น
    1. เร่งรัดการจัดเก็บค่าเช่าที่ราชพัสดุที่หน่วยงานรัฐวิสาหกิจได้ใช้ประโยชน์อยู่ ซึ่งเป็นไปตามพระราชบัญญัติที่ราชพัสดุ พ.ศ. 2562 โดยกรมธนารักษ์จะพิจารณาว่ามีสัญญาเช่ากับรัฐวิสาหกิจต่างๆ ซึ่งมีการเก็บค่าเช่าเท่าไร และการใช้ประโยชน์แบบใด เพื่อนำมาประกอบการเก็บค่าเช่าให้เหมาะสม อนึ่ง กรมธนารักษ์ได้ดำเนินการร่วมกับรัฐวิสาหกิจในการจัดทำรังวัดพื้นที่แล้วเสร็จตั้งแต่เดือนธันวาคม 2563 โดยจะเริ่มทำสัญญาเก็บค่าเช่าได้ตั้งแต่เดือนมกราคม 2564 เป็นต้นไป
    2. ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ได้รับโอนจากการยึดของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ตามคำสั่งศาล นำมาเปิดประมูลเพื่อให้เอกชน ประชาชนเข้ามาประมูลในระบบออนไลน์โดยร่วมกับ บมจ. กรุงไทย จำกัด (มหาชน) โดยคาดว่าจะเปิดประมูลให้กับผู้สนใจได้ภายในต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2564
    3. ดำเนินการเปิดประมูลที่ดินราชพัสดุในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ได้แก่ พื้นที่จังหวัดตาก หนองคาย และมุกดาหาร เป็นต้น
    4. การเปิดประมูลสนามกอล์ฟบางพระ จังหวัดชลบุรี
    5. การเร่งรัดสัญญาร่วมดำเนินโครงการพัฒนาปรับปรุงท่าเรือสงขลา
    6. การเปิดประมูลที่ดินราชพัสดุที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ทั่วประเทศ เพื่อนำมาหารายได้เข้ารัฐ ซึ่งบางพื้นที่เป็นพื้นที่ใจกลางเมือง อาทิ สุขุมวิท สีลม หรือในต่างจังหวัด เช่น จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เชียงราย เชียงใหม่ และนครสวรรค์ เป็นต้น และมุ่งเน้นการติดตามค่าเช่าที่ราชพัสดุทั่วประเทศไม่ให้คงค้าง เพื่อสามารถสร้างผลตอบแทนทางเศรษฐกิจเข้ารัฐให้เพิ่มขึ้นด้วย

นอกจากนี้… อธิบดีกรมธนารักษ์ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากที่กรมธนารักษ์มีนโยบายตั้งเป้าเก็บรายได้เข้ารัฐแล้วยังมีนโยบายในเชิงสังคมเพื่อสนับสนุนให้ประชาชน ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และสังคมโดยรวมมีคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นโดยเน้นสังคมผู้สูงอายุ ดังนี้

  • การดำเนินการโครงการ “ที่พักอาศัยผู้สูงอายุ รามา-ธนารักษ์” บนที่ราชพัสดุ จังหวัดสมุทรปราการ กรมธนารักษ์ร่วมมือกับคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งโครงการดังกล่าว กรมธนารักษ์ได้ตอบสนองนโยบายของรัฐบาลในการพัฒนาเศรษฐกิจผ่านโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์บนที่ราชพัสดุที่มีศักยภาพเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศรวมทั้งให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยจะดำเนินการจับสลากบัญชีรายชื่อผู้ได้รับสิทธิและบัญชีรายชื่อสำรอง ในวันที่ 15 มกราคม 2564 ณ กรมธนารักษ์ และจะดำเนินการก่อสร้างประมาณเดือนเมษายน 2564 ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จปลายปี 2565
  • กรมธนารักษ์เตรียมขยายการก่อสร้างที่อยู่อาศัยของข้าราชการพลเรือนทุกประเภทบนที่ราชพัสดุ ไม่ต่ำกว่า 1 พัน ยูนิต สำหรับพื้นที่ในกรุงเทพมหานคร ได้แก่ แปลงพระโขนง และแปลงยานนาวา สำหรับในจังหวัดต่างๆ ได้แก่ จังหวัดเชียงราย นครนายก อุบลราชธานี อุดรธานี สงขลา สุราษฎร์ธานี ยะลา ปัตตานี ประจวบคีรีขันธ์ นนทบุรี นครราชสีมา และจันทบุรี ซึ่งกล่าวได้ว่าเป็นการสร้างความมั่นคงทางด้านที่อยู่อาศัยให้กับบุคลากรดังกล่าวด้วย
  • ดำเนินการสำรวจบ้านทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ที่อยู่ในพื้นที่ของส่วนราชการ ซึ่งมีอยู่ประมาณ 95 แห่ง ทั่วประเทศ มาทำประโยชน์ในเชิงพาณิชย์โดยอาจให้เอกชนเข้ามาประมูลเพื่อทำประโยชน์ ตลอดจนเพื่อการท่องเที่ยวในชุมชนนั้นๆ และยังช่วยเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ โดยต้นเดือนกุมภาพันธ์จะดำเนินการเปิดประมูลบ้านขุนพิทักษ์บริหาร หรือบ้านเขียว อยุธยา และบ้านพายัพ ซอยสามเสน 5 กรุงเทพมหานคร
  • โครงการ “เปลี่ยนชุมชนเป็นห้องประชุมในที่ราชพัสดุ” ก็ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกัน ซึ่งเมื่อการแพร่ระบาดของ COVID-19 เบาบางลงแล้ว กรมธนารักษ์จะสานต่อโครงการดังกล่าวเพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในชุมชน และช่วยสนับสนุนให้เศรษฐกิจฐานรากในชุมชนต่างๆ แข็งแกร่งมากขึ้น โดยการสร้างโอกาสฟื้นฟูเศรษฐกิจในพื้นที่ให้แก่ผู้ประกอบการในชุมชน และประชาชนในพื้นที่ ซึ่งจะก่อให้เกิดการสร้างรายได้ในทุกระดับ นอกจากนี้ยังมุ่งเน้นการจัดหาที่ราชพัสดุให้กับรัฐวิสาหกิจชุมชน และกองทุนหมู่บ้านในชุมชนเช่าเพื่อให้มีพื้นที่ในการสร้างรายได้ สร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจฐานราก และคุณภาพชีวิตให้กับชุมชน
  • เร่งการเปิดพิพิธภัณฑ์ธนารักษ์ ขอนแก่น เพื่อยกระดับมาตรฐานการให้บริการและการบริหารจัดการพิพิธภัณฑ์ให้เป็นศูนย์การเรียนรู้และการท่องเที่ยว (Land Mark) โดยจะเปิดให้เข้าชมได้ในเดือนสิงหาคม 2564 ซึ่งเป็นการเผยแพร่ทรัพย์สินมีค่าของรัฐสู่ประชาชนและผู้สนใจ

ด้วยภารกิจของกรมธนารักษ์ มีเป้าประสงค์ที่จะดูแล บริหารจัดการที่ราชพัสดุให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชน และสังคมอย่างเป็นระบบ ก่อให้เกิดประสิทธิภาพอย่างสูงสุด โดยในปีงบประมาณ 2564 กรมธนารักษ์จะนำที่ราชพัสดุทั้งหมด 12.6 ล้านไร่ ซึ่งอยู่ในการครอบครองดูแลของหน่วยงานราชการต่างๆ และกรมธนารักษ์บริหารจัดการเพียง 4% โดยจะนำที่ราชพัสดุมาบริหารจัดการเองเพิ่มขึ้นเป็น 10% ทำให้กรมธนารักษ์มีรายได้จากค่าเช่าที่ดินเพิ่มขึ้นและจะเป็นผลดีที่ทำให้กรมธนารักษ์จัดเก็บรายได้เข้ารัฐได้สูงขึ้นอีกด้วย อธิบดีกรมธนารักษ์กล่าวในที่สุด

References…

Share this post

Add Properea's Friend

เพิ่ม Properea.com เป็นเพื่อนทาง Line
ท่านจะได้ Link บทความใหม่ส่งตรงให้อย่างสม่ำเสมอโดยรบกวนแต่น้อย

Related Post

EVMOS… EVM Blockchain บน Cosmos

EVMOS สร้างขึ้นจาก Cosmos SDK ที่ยกเอาเทคนิคการบันทึกธุรกรรมแบบ Tendermint Consensus หรือ Byzantine Fault Tolerance มาใส่ไว้ใน Tendermint Core Evmos เต็มๆ จนกลายเป็นบล็อกเชนแบบ Cosmos ที่ทำงานบน Ethereum Virtual Machine  หรือ EVM ของ Ethereum ซึ่งโดดเด่นด้วยความเร็วและรองรับปริมาณงานได้สูงมากเป็นพิเศษแต่แข็งแกร่งและปลอดภัยสูงจนกลายเป็นบล็อกเชน Proof-of-Stake เกิดใหม่ที่น่าจับตามากที่สุดในขณะนี้… 

รถไฟทางคู่ชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี… พร้อมเปิดประมูลเร็วๆ นี้!

งานจัดซื้อจัดจ้างการรถไฟแห่งประเทศไทย ประกาศการจ้างที่ปรึกษาจัดการประกวดราคา โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี เมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคมปีที่ผ่ามานี่เอง… นัยยะของเรื่องย่อมหมายถึงจะมีการจัดซื้อจัดจ้างก่อสร้างโครงการนี้เร็วๆ นี้อย่างแน่นอน

สถานีธนบุรี…

ที่ดินขนาด 21 ไร่ย่านบางกอกน้อยใกล้กับโรงพยาบาลศิริราช ถือว่าเป็นที่ดินแปลงใหญ่มากสำหรับการลงทุน… เมื่อรถไฟสามารถต่อเส้นทางสายสีแดงจากตลิ่งชันถึงศิริราช ที่ดินแปลงที่ใหญ่ที่สุดของย่านนั้นอย่างที่ดินสถานีธนบุรีย่อมน่าสนใจขึ้นมาทันที

Facebook Digital Collectibles… NFT บน Facebook

Navdeep Singh ในฐานะผู้จัดการฝ่ายเทคนิคโปรแกรมของ Meta ซึ่งเป็นเจ้าของแพลตฟอร์มโซเชี่ยลมีเดียรายใหญ่อย่าง Facebook และ InstaGram ได้แจ้งข้อมูลผ่าน Twitter ส่วนตัวเมื่อ 30 มิถุนายน 2022 ว่า… Facebook จะรองรับการแสดงรายการของสะสมดิจิทัลแบบ NFTs หรือ NonFungible Tokens บนแท็ป Digital Collectibles บน Timelines ของ Creator แล้ว