Decentralized Financial หรือ DeFi หรือ ระบบการเงินแบบไร้ตัวกลาง หรือ บริการทางการเงินแบบไร้คนกลาง ซึ่งก็คือบริการทางการเงินในตลาดเงินหลักๆ ที่วนๆ อยู่กับการกู้ยืมโดยมีธนาคารเป็นตัวกลางในการรับฝากเงินจาก “คนที่ต้องการใช้เงินทำเงิน” เอาเงินมาฝากธนาคารปล่อยกู้ให้ “คนที่อยากได้เงินไปทำทุน”
เมื่อ Blockchain Technology และ Cryptocurrency เกิดขึ้น… การสร้างกลไกการกู้ยืมบนระบบการโอนมูลค่าและการชำระราคาด้วย Cryptocurrency จึงเกิดขึ้น… โดยมีแพลตฟอร์มการบันทึกธุรกรรมแบบ Smart Contact บน Blockchain ถูกพัฒนาขึ้นมาทดแทนการทำสัญญากู้ยืมและเดินบัญชีกับธนาคาร โดยทั้งคนที่ต้องการใช้เงินทำเงิน และ คนที่ต้องการใช้เงินไปทำทุน… สามารถกู้ยืมฝากถอนด้วยตัวเองบนแพลตฟอร์มได้ตามความต้องการ
ง่ายๆ แค่นี้เลยครับ!
แต่ในทางเทคนิค… ทุกท่านที่ติดตามข่าวคราวของ Bitcoin และ Cryptocurrency ทั้งติดตามโดยมีวัตถุประสงค์และติดตามเพียงข่าวสารผ่านตาต่างก็ทราบว่า… ราคาของ Cryptocurrency นั้นผันผวนสุดๆ จนมีคำเตือนเรื่องความเสี่ยงและความเสียวประกอบเรื่องราว Bitcoin และ Cryptocurrency มากมายไม่ต่างจากเรื่องเล่าถึงคุณค่าและความท้าทายอีกมากมายเช่นกัน
ประเด็นก็คือ… ความผันผวนของราคาและมูลค่าของสินทรัพย์ดิจิทัลเหล่านี้ ไม่มีความเหมาะสมที่จะเป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินด้วยประการทั้งปวงจากความไม่แน่นอนของราคาและมูลค่าที่ไม่สามารถประเมินล่วงหน้าได้อย่างสิ้นเชิงนี้… การจะเอา Bitcoin และ Cryptocurrency มาทำบริการทางการเงินหรือสินเชื่อตรงๆ จึงหมายถึงความเสี่ยงโดยปราศจากแนวทางป้องกันความเสี่ยง หรือ Hedging ใดๆ
การจะสร้างกลไกและผลิตภัณฑ์ทางการเงินในระบบนิเวศน์ Cryptocurrency จึงต้องเพิ่มกลไก Hedging ให้คู่สัญญา หรือ ป้องกันความเสี่ยงผู้ให้กู้กับผู้กู้ เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายมีหลักประกันที่มั่นคงอย่างน้อยหนึ่งหลัก เพื่อโต้คลื่นความผันผวนในตลาด Cryptocurrency โดยยังมี Safety Cable ให้อุ่นใจเหมือนนักปีนเขาเชื่อมั่น Belayer ที่คอยคุมเชือกระหว่างไต่ผาขึ้นไป
ในระบบนิเวศน์ DeFi จึงต้องมี Stable Coin หรือ Cryptocurrency ที่ผูกมูลค่าเอาไว้กับสกุลเงินสากลที่เป็นเฟียต หรือ Fiat Money… ซึ่งส่วนใหญ่ก็ผูกค่าไว้กับ USD หรือ US Dollar นั่นเอง
สมมุติว่าผมจะทำแพลตฟอร์ม DiFi ให้บริการ “คนที่ต้องการใช้เงินทำเงิน” แล้วนำเงินมาปล่อยกู้ให้ “คนที่อยากได้เงินไปทำทุน”
สิ่งแรกที่ผมต้องทำคือ สร้าง Cryptocurrency ของตัวเองขึ้นมาใหม่หนึ่งสกุลเงินชื่อ Cofin และระบุใน Whitepaper ว่า เหรียญดิจิทัลชุดนี้มีมูลค่าเท่ากับ 1 USD เสมอ… โดยคนที่ถือเหรียญ 1 Cofin สามารถเทรดในตลาดคริปโตแบบ USD VS COFIN แบบ 1:1 ได้ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง… ซึ่งท่านที่อยากได้เหรียญ Cofin ไปใช้ทำอะไรก็ตามแต่ จะสามารถซื้อเหรียญ Cofin จากกระดานเทรดได้เองทางหนึ่ง… หรือเอาเหรียญคริปโตสกุลอื่น มาวางค้ำประกันไว้กับ DeFi Platform ตามเงื่อนไขบน Smart Contact และขอกู้เป็นเหรียญ Cofin ตามอัตราที่แพลตฟอร์มกำหนด และสามารถโอนเหรียญ Cofin ออกจากแพลตฟอร์มไปใช้ได้ทันที
รายละเอียดจะประมาณว่า… ผมมี Bitcoin อยู่ใน Wallet ตัวเอง 1 BTC… สมมุติราคาในตลาดปัจจุบันคือ 50,000 USD… แต่ผมอยากใช้เงินราวๆ 300,000 บาท หรือประมาณ 10,000 USD… ผมมีทางเลือก 2 ทางในการหาเงินคือ ขาย Bitcoin ไป 20% เพื่อโอนออกมาใช้เป็นเงินบาท… หรือไม่ผมก็เอา Bitcoin 30% ไปล๊อคค้ำประกันไว้ที่ DeFi Platform แล้วกู้เป็นเหรียญ Cofin ออกมา 10,000 COFIN และไปเทรดเป็นเงินบาทออกมา ก็ได้ทุนเข้าพอร์ต 300,000 บาทเช่นกัน… ซึ่งผมยังเป็นเจ้าของ Bitcoin ที่ล๊อคค้ำประกันไว้อยู่ แต่โอนไปไหนไม่ได้อีกจนกว่าผมจะเอาเหรียญ Cofin เท่าจำนวนที่ยืมไปพร้อมดอกเบี้ย มาแลกคืน… หรือไม่ก็ถูกบังคับขายตามเงื่อนไข Force Selling หรือ Forced Liquidation ถ้าหลักประกันเสื่อมค่าต่ำกว่าเงื่อนไขที่กำหนดไว้ใน Smart Contact… เช่นราคา Bitcoin ที่ล็อคค้ำประกันเกิดราคาร่วงหนักเกิน 50% โดยไม่ได้เพิ่มหลักประกันได้ทันตามกำหนด ซึ่งในทางกลับกัน DeFi Platform ยังสามารถคำนวณเพิ่มวงเงินให้ได้อีก ในกรณีที่ราคาเหรียญล็อคค้ำประกันมีราคาสูงขึ้น
ตัวอย่างแค่ยกกลไกและแนวคิดคร่าวๆ พอให้เห็นภาพเท่านั้นครับว่า… DeFi หรือ Decentralized Financial ทำงานอย่างไร… ซึ่งถ้าเป็นการล๊อคเหรียญค้ำประกันโดยไม่กู้ หรือไม่ Swap เพื่อแลกเหรียญไปใช้… เจ้าของเหรียญที่ล๊อคสมบัติดิจิทัลเอาไว้กับ DeFi Platform ก็จะได้ดอกเบี้ยเหมือนการฝากเงินกับธนาคารและกลายเป็นผู้ให้กู้แทน
ภาพรวมทั้งหมดจึงไม่ต่างจากการเอาทองคำไปค้ำประกันการยืมเงินจากโรงจำนำนั่นเอง เพียงแต่รายละเอียดอื่นๆ ก็ขึ้นอยู่กับโมเดลธุรกิจของแพลตฟอร์มที่ออกแบบไว้ และทั้งหมดนั่นทำธุรกรรมกันแบบออนไลน์ล้วนๆ ปลอดภัย โปร่งใส่ด้วย Blockchain Technology
สิ่งที่น่าสนใจก็คือ… DeFi เป็นระบบนิเวศน์ทางการเงินใหม่ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยในระบบนิเวศน์ของ Fiat Money มาก… ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากเศรษฐกิจคริปโตที่มีอัตราการเติบโตและขยายตัวอย่างรวดเร็วและกำลัง “กลืนกินระบบนิเวศน์ทางการเงินและการลงทุนดั้งเดิม” อย่างรวดเร็ว
ข่าวคราวการถือครอง Bitcoin ของธุรกิจขนาดใหญ่ในสหรัฐอเมริกาอย่างกรณีการทุ่มซื้อ Bitcoin ของ Tesla หรือ Square จึงไม่ใช่การลงทุนเพื่อถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลในมิติเดียวอย่างชัดเจน เพราะสินทรัพย์อย่าง Bitcoin ได้กลายเป็นหลักประกันทางการเงิน ที่กลายเป็นโอกาสและกลยุทธ์ธุรกิจยุคใหม่ขั้นเทพไปแล้ว
ลองนึกตามผมว่า… การขอวงเงิน OD จากธนาคารของธุรกิจในอดีต ส่วนใหญ่ก็จะมีการนำหลักทรัพย์ไปค้ำประกันไว้กับธนาคารเพื่อหมุนเงินออกมาดำเนินธุรกิจเป็นรอบๆ และจ่ายต้นจ่ายดอกไม่ต่างกันแต่ยุ่งยากวุ่นวายกว่าในขั้นตอนและกระบวนการ
แต่การหมุนเงินผ่าน DeFi Platform จะช่วยให้ธุรกิจสามารถปลดล็อคจากธนาคาร และความจุกจิกของกลไกสินเชื่อธนาคารได้ทั้งหมด… ในขณะที่ยังได้ประโยชน์จากการเติบโตของราคาและมูลค่าของหลักประกันได้ไม่ต่างจากการเอาที่ดินไปวางเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันในอดีต… ซึ่งราคาที่ดินก็เติบโตเพิ่มขึ้นต่อไป ในขณะที่วงเงินในสภาพคล่องของกิจการก็ยังหมุนเวียนรักษาเครดิตไปตามเงื่อนไขและกลไก… ซึ่งมือบริหารเก่งนอกจากจะสามารถบริหารต้นทุนทางการเงินได้เกินดุลแล้ว หลายกรณียังบริหารสินทรัพย์ของกิจการให้สามารถสร้างผลตอบแทนได้เกินคาดหลายต่อได้ด้วย
หลายท่านที่ฝันใหญ่ในแนวทาง Digital Asset และ DeFi Model ต่างๆ ในช่วงนี้… อย่าช้าก็พอครับ!
References…