ในดิกชันนารี หรือ Dictionary หรือ พจนานุกรม ที่เป็นตำรารวบรวมนิยามของคำเอาไว้ในเล่ม จะมีรูปแบบการเรียงคำตามตัวอักษร เพื่อให้ง่ายต่อการสืบค้น ซึ่งรูปแบบการเรียงคำตามตัวอักษร ยังคงมีความสำคัญอยู่ แม้ในวันที่การสืบค้นทางอิเลคทรอนิคส์ หรือการเสิร์ชเข้ามามีบทบาทในการค้นหาอย่างมากในปัจจุบัน… แต่การเรียงตามลำดับตัวอักษร ก็ยังมีใช้อยู่ในระบบข้อมูลทุกระบบบนโลกใบนี้
ผมมีคำคมสร้างแรงบันดาลที่เทียบเคียงพาดพิงดิกชันนารีหลายประโยค แต่ที่ชอบที่สุดคงจะเป็นคำพูดของ วิดัล แซสซูน หรือ Vidal Sassoon นักออกแบบทรงผมชาวอังกฤษ ที่บอกไว้ว่า… The Only Place Where Success Comes Before Work Is In The Dictionary หรือ ที่เพียงแห่งเดียวเท่านั้นที่ความสำเร็จมาก่อนทำงานคือในดิกชันนารี! หรือแปลซ้ำได้ว่า… ความสำเร็จจะตามมาหลังจากลงมือทำงานไปแล้วเท่านั้น
วิดัล แซสซูน หรือ Vidal Sassoon เป็นนักออกแบบทรงผมชาวอังกฤษผู้มีชื่อเสียงในฐานะผู้ออกแบบทรงผมแบบบ็อบคัท ในทศวรรษ 1960 และยังเป็นผู้ก่อตั้งธุรกิจออกแบบทรงผมที่มีสาขาและเครือข่ายมากมายทั่วโลก และมีผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมและศรีษะ ภายใต้แบรนด์ Vidal Sassoon ซึ่งผลิตและจัดจำหน่ายโดย P&G หรือ พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล
Vidal Sassoon ได้รับการยกย่องว่าเป็น… ร็อกสตาร์ ศิลปิน และช่างฝีมือที่เปลี่ยนโลกด้วยกรรไกรตัดผม
Vidal Sassoon เกิดในครอบครัวชาวยิวอพยพในเขต Hammersmith ทางตะวันตกของกรุงลอนดอน เมื่อวันที่ 17 มกราคม ปี 1928… Vidal Sassoon ในวัย 3 ขวบถูกบิดาทอดทิ้งไปแต่งงานใหม่ ทิ้งให้สามคนแม่ลูกกลายเป็นคนไร้บ้าน จนต้องไปขออาศัยอยู่กับครอบครัวของป้า ในแฟลตเล็กๆ ที่ไม่มีห้องน้ำส่วนตัว… Vidal Sassoon เคยเล่าว่า สมัยเด็กต้องไปยืนต่อคิวเข้าห้องน้ำร่วมกับเพื่อนบ้าน ท่ามกลางอากาศหนาวเย็นเสมอ
ความยากจนเกินกำลังเลี้ยงดูลูกน้อยสองคนของมารดา ซึ่งเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวในช่วงข้าวยากหมากแพงจากสงครามโลกอย่างเธอ จึงจำเป็นต้องเอาลูกสองคนไปฝากเลี้ยงในสถานสงเคราะห์
Vidal Sassoon ได้เข้าเรียนที่โรงเรียน Essendine Road Primary School… แต่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ที่อังกฤษคือประเทศเดียวที่นาซีเยอรมันยังปักธงไม่สำเร็จ… เด็กๆ ที่โรงเรียน Essendine Road Primary School ก็ต้องอพยพออกจากลอนดอนในวันที่ 3 กันยายน ปี 1939 เพื่อหนีให้พ้นเขตทิ้งระเบิดแบบปูพรมจากเที่ยวบินนาซี
อีกสามปีต่อมาหลังจากกลับเข้าลอนดอน… Vidal Sassoon ในวัน 14 ปีก็ออกจากโรงเรียนเพื่อไปทำงานเป็น Messenger ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่สองช่วงปลาย… ช่วงเวลานี้ของ Vidal Sassoon มีแต่ภาพทรงจำเกี่ยวกับความตาย เลือดและเสียงร้องไห้จากทุกแห่งหนในลอนดอนที่เขาเดินส่งเอกสารและสิ่งของ… Vidal Sassoon ในวัยหนุ่มเข้าร่วมขบวนการใต้ดินอย่าง 43 Group หรือกลุ่มต่อต้านฟาสซิสต์ชาวยิวทางเขตตะวันออกของลอนดอน จนหนังสือพิมพ์ The Daily Telegraph เรียกชายคนนี้ว่า Anti-fascist Warrior-hairdresser… และยังเข้าร่วมขบวนการ Palmach หรือกองกำลังปลดปล่อยอิสราเอล ที่ก่อตั้งและเคลื่อนไหวช่วงปี 1941–1948
Vidal Sassoon ฝันอยากเป็นนักฟุตบอลหรือไม่ก็นักกีฬาที่มีชื่อเสียง แต่แม่ของเขาก็เอาฝันของเธอที่อยากให้ลูกเป็นช่างทำผม พา Vidal Sassoon มาฝากเรียนกับ Adolph Cohen… ช่างผมชื่อดังของลอนดอนหลังสิ้นสุดสงครามโลก
Vidal Sassoon ได้ฝึกงานที่ร้านของ Raymond Bessone ในย่าน Mayfair ของลอนดอน… กระทั่งได้เปิดร้านแรกของตัวเองในปี 1954… และไม่กี่ปีต่อมา ชื่อ Vidal Sassoon ก็โด่งดัง ที่แม้แต่ดาราดังจาก Hollywood ก็บินมาลอนดอนเพื่อตัดผมกับ Vidal Sassoon แม้ต้องจ่ายค่าทำผมแสนแพงอีกหลายพันดอลลาร์สหรัฐ
ปี 1970… Vidal Sassoon ย้ายมาเป็นพลเมือง Los Angeles และสร้างอาณาจักร Vidal Sassoon จากร้านทำผมไปถึงสินค้าดูแลเส้นผมทุกขั้นตอน ภายใต้แบรนด์ Vidal Sassoon ที่มี P&G จัดการห่วงโซ่อุปทานของแบรนด์และธุรกิจให้ทั้งหมด
Vidal Sassoon จากไปในวันที่ 9 พฤษภาคม ปี 2012 ในวัย 84 ปีด้วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว หรือ Leukemia… ชื่อของ Vidal Sassoon ยังอยู่กับสินค้าแบรนด์ Vidal Sassoon แม้คนรุ่นปัจจุบันจะเห็นและได้ใช้สินค้าแบรนด์นี้ยากแล้ว อันเนื่องมาจากเจ้าของแบรนด์ได้ล้มหายตายจาก ทำให้ความขลังของแบรนด์ที่ผูกติดกับชื่อ Vidal Sassoon อ่อนพลังทางการตลาดไปมาก… แต่ชื่อ Vidal Sassoon International Center for the Study of Antisemitism หรือ SICSA ที่ก่อตั้งเป็นสถาบันวิจัยในมหาวิทยาลัยฮิบบรู หรือ Hebrew University of Jerusalem ตั้งแต่ปี 1982 ด้วยเงินทุนจาก Vidal Sassoon จะยังคงอยู่ไปอีกนานแสนนาน… รวมทั้งเรื่องราวของลูกยิวจากบ้านสงเคราะห์เด็กยากไร้ในลอนดอนเจ้าของตำนานช่างทำผมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกในศตวรรษที่ 20 นาม… Vidal Sassoon ด้วย
อ้างอิง
