มีคำคมด้านอสังหาริมทรัพย์อีกบทหนึ่งที่บอกว่า “The major fortunes in America have been made in land.” เป็นของผู้ก่อตั้ง The Rockefeller Foundation และเจ้าของสถิติอภิมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งตลอดกาลของสหรัฐอเมริกา ด้วยสินทรัพย์มูลค่า $305.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ… นาม John Davidson Rockefeller
โดยตัวเลขสินทรัพย์ของ John D. Rockefeller ได้รับการประเมินและจัดอันดับโดยนิตยสาร Forbes ในปี 2006 ที่ผ่านมา
John D. Rockefeller เป็นเศรษฐีที่รวยเป็นอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์โลกสมัยใหม่ และ เป็นคนอเมริกันที่รวยที่สุดในนับตั้งแต่ก่อตั้งอเมริกา
John D. Rockefeller เริ่มต้นธุรกิจการกลั่นน้ำมันครั้งแรกที่เมือง Cleveland ในปี 1870 โดยก่อตั้งบริษัท Standard Oil และควบคุมธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมันทั้งหมดตั้งแต่ การกลั่นน้ำมัน ขนส่งน้ำมัน จัดเก็บน้ำมัน ซึ่งทำให้น้ำมันมีราคาถูกลง… การจุดไฟให้แสงสว่างตอนกลางคืนในอดีต จะใช้น้ำมันจากไขปลาวาฬที่มีราคาแพง… เมื่อสามารถกลั่นได้น้ำมันก๊าดราคาถูกกว่า คนชั้นกลางเข้าถึงได้มากขึ้น กิจการของ John D. Rockefeller จึงรุ่งโรจน์ในอเมริกาจากน้ำมัน
ยุคเริ่มแรกของการกลั่นน้ำมัน โรงกลั่นทั่วไปจะกลั่นเอาแต่น้ำมันก๊าด หรือ Kerosene เท่านั้น… แต่ John D. Rockefeller เอาน้ำมันที่เหลือไปต่อยอดเป็นน้ำมันเบนซินเพื่อย้อนกลับมาเป็นเชื้อเพลิงให้โรงกลั่น และขายส่วนที่เหลือเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น น้ำมันหล่อลื่น ขี้ผึ้ง กาว สีทาบ้าน… เมื่อรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงได้รับความนิยมแพร่หลายทั้งยุโรปและอเมริกา… ธุรกิจของ Standard Oil จึงยิ่งขยายตัวอย่างก้าวกระโดดตามความต้องการใช้น้ำมันที่เพิ่มขึ้นมหาศาล


Credit: https://www.visualcapitalist.com
ปี 1911 ศาลตัดสินว่า Standard Oil ทำผิดกฎหมายผูกขาด และศาลมีคำสั่งให้แยกบริษัทออกเป็น 34 บริษัท… หลังจากแยกบริษัทแล้ว บริษัทต่างๆ ก็ยังทำกำไรได้มากเช่นเดิม… มิหนำซ้ำ John D. Rockefeller ยังมีทรัพย์สินมากขึ้นกว่าเดิมถึง 5 เท่า
John D. Rockefeller ประสบความสำเร็จเป็นเศรษฐีพันล้านตั้งแต่อายุยังน้อย แต่ช่วงวัย 50 ปี… John D. Rockefeller ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า เนื่องจากเครียดจากการทำงานหนัก จนมีอาการนอนไม่หลับ อาหารไม่ย่อย และผมร่วงจนต้องใส่วิกผม… John D. Rockefeller จึงวางมือทางธุรกิจในวัย 57 ปี และเริ่มบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือการกุศล
John D. Rockefeller ได้บริจาคเงินช่วยเหลือวิทยาลัยเล็กๆ แห่งหนึ่ง ซึ่งปัจจุบันคือ มหาวิทยาลัยชิคาโก… รวมทั้งก่อตั้งมูลนิธิร็อคกี้เฟลเลอร์ หรือ The Rockefeller Foundation เพื่อช่วยเหลือและสนับสนุนกิจกรรมด้านการแพทย์ การศึกษา และ การวิจัยทางวิทยาศาสตร์
การเปลี่ยนตัวเองจากนายทุนผูกขาดมาเป็นผู้ทำงานด้านการกุศล ทำให้อาการป่วยของเขาดีขึ้น และสามารถใช้ชีวิตหลังเกษียณได้นานอีก 40 ปี จึงปิดตำนานลงในวัย 97 ปีในวันที่ 23 พฤษภาคม 1937
เรื่องนี้อาจทำให้คิดถึงเป้าหมายของทุกคนคือ ฐานะทางการเงินและความร่ำรวย แต่เมื่อคนๆ หนึ่งมีเงินมากจนถึงจุดหนึ่ง… มักจะพบเป้าหมายลำดับถัดไปว่า… สุดท้ายในชีวิตแท้จริงแล้วควรได้ช่วยเหลือผู้อื่นด้วย
ถ้าอธิบายด้วยทฤษฎีของ Maslow จะเห็นว่า… ความต้องการในลำดับแรกๆ ของมนุษย์คือ ความปลอดภัย ความร่ำรวย มิตรภาพ ความนับถือ ส่วนความต้องการขั้นสูงสุดคือ Self-Actualization หรือ ความสมบูรณ์ของชีวิต… ซึ่งคนที่จะเข้าใจความต้องการขั้นสูงสุดนี้ได้ จะต้องได้รับการตอบสนองความต้องการขั้นแรกๆ อย่างดีแล้วทั้งหมดก่อน
ความสมบูรณ์ของชีวิตคือ… การมีอิสระทางจิตใจ… ไม่มีอคติ… ยืดหยุ่น… รับฟัง… มองโลกตามความเป็นจริง… ไม่มีอคติ… ไม่บังคับให้สังคมต้องเป็นแบบที่เราคิด… ไม่ต้องการเป็นจุดสนใจ… ไม่ต้องการแข่งขัน… เป้าหมายไม่ใช่เพื่อเงินหรือชื่อเสียง… ไม่โฟกัสที่ความต้องการของตัวเอง แต่โฟกัสที่คนรอบข้าง และสังคมส่วนรวม
งั้นเราคงต้องหาทางรวยติดอันดับกันก่อนแล้วหล่ะ… ท่านคิดยังไง!
อ้างอิง