ช่วงกลางเดือนธันวาคม 2022 ที่ผ่านมา… คุณเกียรติพงศ์ อริยปรัชญา นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ประจำประเทศไทย ของธนาคารโลก หรือ World Bank ได้นำเสนอข้อมูลเศรษฐกิจต่อผู้สื่อข่าวว่า… เศรษฐกิจไทยในปี 2022 จะขยายตัวได้ 3.4% ในขณะที่ปี 2023 จะขยายตัวได้ 3.6% ลดลงจากคาดการณ์เดิม 0.7% จากการชะลอตัวของอุปสงค์โลกที่เกิดเร็วกว่าที่คาด แต่ว่าการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว และ การบริโภคภาคเอกชนยังเป็นปัจจัยบวกหลักในการเติบโตของเศรษฐกิจไทย
ในขณะที่ไตรมาส 3/22… เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้ดีกว่าคาด ส่งผลให้คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะสามารถกลับไปสู่การเติบโตก่อนเกิดการระบาดของโควิด 19 ได้เร็วขึ้น แต่ต้องยอมรับว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยก็ยังตามหลังประเทศอื่นในอาเซียน เช่น เวียดนาม ที่มีการฟื้นตัวตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเศรษฐกิจไทยพึ่งพาการท่องเที่ยวเยอะที่สุดในภูมิภาค ซึ่งคาดว่าการท่องเที่ยวของไทยจะกลับมาสู่ระดับปกติได้ในปี 2024
ในปีหน้า 2023 คาดว่า… ดุลบัญชีเดินสะพัดจะกลับมาเป็นบวก ในขณะที่หนี้สาธารณะได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้วที่ระดับ 61.1% ต่อ GDP ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 แต่ก็ยังมีแรงกดดันเรื่องอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง ก่อนที่จะชะลอตัวลง โดยคาดว่าเงินเฟ้อทั่วไปจะอยู่ในระดับสูงกว่ากรอบเป้าหมายของธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ 1-2% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2023 โดยราคาพลังงานที่อยู่ในระดับสูงมานาน อาจทำให้ความเหลื่อมล้ำเพิ่มขึ้น ทำให้พื้นที่การคลังลดลง
สำหรับการดำเนินมาตรการทางการคลังจะช่วยบรรเทาผลกระทบของวิกฤติที่มีต่อสวัสดิการของครัวเรือนได้อย่างมาก แม้เศรษฐกิจจะฟื้นตัวก็คาดว่าความยากจนจะเพิ่มขึ้นเป็น 6.6% ในปีนี้ จาก 6.3% ในปี 2021 เนื่องจากมาตรการบรรเทาผลกระทบของโควิด 19 จะสิ้นสุดลงท่ามกลางอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ขณะเดียวกันผลกระทบด้านลบอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งรวมถึงราคาพลังงานที่สูงขึ้น อาจทำให้พื้นที่ทางการคลังลดลง เว้นแต่จะมีการนำมาตรการช่วยเหลือทางสังคมที่เจาะจงกลุ่มเป้าหมายมาใช้มากขึ้น
ด้านคุณ Fabrizio Zarcone ผู้จัดการธนาคารโลก ประจำประเทศไทย กล่าวว่า… ขณะนี้ประเทศไทยกำลังกลับเข้าสู่เส้นทางการเป็นประเทศที่มีรายได้สูงหลังจากการระบาดของโควิด 19 การเพิ่มพื้นที่ทางการคลังให้เพียงพอสำหรับความต้องการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น และ เพื่อรองรับผลกระทบด้านลบอื่นที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต จึงเป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องดำเนินการ
References…