Sustainable Architecture… สถาปัตยกรรมยั่งยืน

สถาปัตยกรรม วิศวกรรมและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ต่างก็เป็นส่วนหนึ่งระบบนิเวศน์การอยู่อาศัย อันเป็นปัจจัยสำคัญเท่าๆ กับอากาศ อาหาร ยาและเสื้อผ้าของใช้… ปัจจุบัน! ปัญหาสิ่งแวดล้อมกระทบผู้คนอย่างชัดเจนจนทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเราคิดจะทำนับจากนี้ ต้องคิดถึงสิ่งแวดล้อมให้มากและหาทางที่ดีกว่าที่เป็นมาให้มาก โดยเฉพาะสิ่งก่อสร้างและสถาปัตยกรรมที่ต้องใช้ทรัพยากรและขบวนการมากมายเพื่อให้ได้อาคารหนึ่งหลัง

วันนี้จะพามารู้จักกับแนวคิดสถาปัตยกรรมยั่งยืน หรือ Sustainable Architecture ที่นับจากนี้ไป แนวคิดแบบนี้คงได้ยินและได้เห็นบ่อยขึ้นในช่วงอายุของพวกเรา… ซึ่งงานสถาปัตยกรรมที่คำนึงถึงระบบนิเวศน์ สิ่งแวดล้อม และมีการเน้นการออกแบบโดยคำนึงถึงความยั่งยืนของธรรมชาติ… มีเป้าหมายในการออกแบบที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด… สร้างสภาพแวดล้อมที่น่าอยู่ส่งผลดีต่อสุขภาพของผู้อยู่อาศัย ซึ่งมีการออกแบบสถาปัตยกรรมทำให้เกิดความสมดุลขึ้น 3 ด้าน ได้แก่ สภาพแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคม เกิดเป็นแนวคิดของสถาปัตยกรรมยั่งยืน โดยการอิงหลักคิดดังต่อไปนี้คือ

1. Ecological concern เคารพในที่ตั้ง รักษาแผ่นดินและพืชพรรณ
2. Climate concern คำนึงถึงสภาพอากาศในท้องถิ่น ไม่สร้างมลภาวะทางอากาศ
3. Energy Efficiency การประหยัดพลังงาน การใช้พลังงานทดแทน
4. User Concern คำนึงถึงความสบายของผู้ใช้อาคารปลอดมลภาวะทางเสียงและทัศนียภาพ
5. Material Efficiency ใช้วัสดุอย่างมีประสิทธิภาพการนำวัสดุกลับมาใช้ใหม่ไม่ใช้วัสดุที่เป็นพิษต่อผู้อาศัย
6. Water Efficiency ใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพไม่สร้างมลภาวะทางน้ำ

หลักการที่นำไปสู่สถาปัตยกรรมยั่งยืน 2 วิธี คือ

1. Nature – Driven Technologies เป็นการพึ่งพาธรรมชาติเพื่อนำมาใช้ประโยชน์ทางตรงและทางอ้อม โดยนำเทคโนโลยีเครื่องกลมาใช้ให้น้อยที่สุด เน้นการพึ่งพาสิ่งแวดล้อมธรรมชาติให้มากที่สุด สามารถแบ่งออกเป็นประเด็นต่างๆ ดังนี้

1.1 การป้องกันแสงแดดและใช้ประโยชน์จากกระแสลม โดยการอาศัยต้นไม้  อุปกรณ์บังแสงแดด และการจัดสภาพแวดล้อมเพื่อควบคุมทิศทางกระแสลม
1.2 การอาศัยแสงสว่างจากธรรมชาติ เพื่อลดการใช้พลังงานไฟฟ้า
1.3 การใช้ฉนวนเพื่อป้องกันความร้อนถ่ายเทเข้าสู่อาคาร ทั้งผนังและหลังคา
1.4 การนำแหล่งพลังงานที่มีอยู่มาใช้ เช่น พลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์มาแปลงเป็นพลังงานไฟฟ้า เป็นต้น
1.5 การหมุนเวียนการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ อาทิ กักเก็บน้ำฝนเพื่อนำมารดน้ำต้นไม้ ทำความสะอาดบ้านเรือน
1.6 การนำลมธรรมชาติมาช่วยถ่ายเทอากาศภายในอาคารให้บริสุทธิ์ขึ้น และการใช้ต้นไม้ช่วยกรองฝุ่นละอองและดูดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ในเวลากลางวัน

2. Technology – Driven Strategies เป็นการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ และมีประสิทธิภาพสูงที่สุด โดยดัดแปลงให้เหมาะสมเพื่อประหยัดพลังงาน สามารถแบ่งออกเป็นประเด็นต่างๆ ดังนี้

2.1 การคัดเลือกทำเลที่ตั้งที่เพื่อเอื้อประโยชน์ในด้านสาธารณูปโภคต่าง ๆ ตลอดจนลดการสิ้นเปลืองพลังงานในการเดินทางและติดต่อ
2.2 การควบคุมแสงสว่างที่ใช้ในอาคารให้เหมาะสม โดยการอาศัยมนุษย์และอุปกรณ์กล
2.3 การใช้วัสดุอุปกรณ์อื่นๆ ที่ไม่ต้องพึ่งพาวัสดุธรรมชาติ อาทิ วัสดุสังเคราะห์ที่มีคุณภาพ
2.4 การให้ความร้อนและเย็นภายในอาคาร โดยการนำพลังงานจากสภาวะแวดล้อมมาใช้
2.5 เป็นการลดปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยการนำทรัพยากรมาหมุนเวียนใช้ใหม่ให้เกิดประโยชน์ เพื่อลดพลังงานในการจัดเก็บและทำลาย

การออกแบบเพื่อสิ่งแวดล้อมสามารถแบ่งออกเป็น 5 หัวข้อหลัก ได้แก่

1. Building Ecology การปรับเปลี่ยนและเลือกใช้วัสดุที่ไม่มีผลข้างเคียง รวมไปถึงระบบระบายอากาศทั้งแบบธรรมชาติและระบบเครื่องจักรกลสามารถออกแบบให้มีการหมุนเวียนเอาอากาศบริสุทธิ์เข้ามาในอาคารมากที่สุดและลดภาวะที่จะทำให้เกิดเชื้อราหรือความเหม็นอับให้น้อยที่สุด

2. Energy Efficiency การออกแบบให้อาคารใช้ประโยชน์จากพลังงานธรรมชาติ ลดภาระการผลิตพลังงาน ทั้งยังเป็นรักษาพลังงานไว้ใช้ในยามจำเป็น อาทิ การใช้ Thermal Mass ของอาคารเพื่อเก็บหรือระบายความร้อน การใช้ระบบฉนวนให้เหมาะสมกับการใช้งาน การใช้ระบบควบคุมการเปิดปิดเครื่องใช้ไฟฟ้า หรือระบบทำความเย็น

3. Materials วัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างบางชนิดอาจจะส่งผลเสียต่อสภาพแวดล้อม ไม้บางชนิดได้มาจากการตัดไม้ในป่าที่ไม่สามารถปลูกทดแทนได้ วัสดุบางอย่างได้มาโดยกระบวนการที่สร้างมลภาวะ หรือสร้างสารพิษออกมาในขั้นตอนการแปรรูป ดังนั้นควรใช้วัสดุที่ผลิตมาจากแหล่งทรัพยากรที่สามารถทดแทนได้ มีความปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อมในขั้นตอนการผลิต โดยมีผลกระทบต่อการดำรงชีวิตน้อยที่สุด

4. Building Form รูปทรงของอาคารควรคำนึงต่อสภาพแวดล้อมข้างเคียง ไม่ว่าจะเป็นที่ดิน ต้นไม้ หรือสภาพอากาศโดยรอบ ให้เอื้อต่อการหมุนเวียนของการวัสดุ ทรัพยากร ลดการใช้ทรัพยากรและพลังงานในอาคาร เพิ่มความน่าอยู่ให้แก่ผู้ใช้ และมีความปลอดภัย

5. Good Design การออกแบบที่ดีต้องคำนึงถึงผลที่จะตามมา อาทิ อาคารที่คงทนถาวร ง่ายต่อการใช้ สามารถนำเอาวัสดุเก่ากลับมาใช้ใหม่ได้ พร้อมทั้งมีความสวยงาม มีความต้องการพลังงานน้อยลง ซ่อมบำรุง ใช้วัสดุที่มีคุณภาพ ตอบสนองต่อแนวความคิดของสถาปัตยกรรมแบบยั่งยืน

ในระยะยาวการออกแบบเพื่อความยั่งยืนมีวัตถุประสงค์เพื่อลดการทำลายและการใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้มากที่สุด พร้อมทั้งเป็นการสร้างตัวอย่างที่ดี เพื่อสร้างจิตสำนึกในการคำนึงถึงสภาพแวดล้อมให้เกิดแก่สังคม

คัดลอกเนื้อหาส่วนใหญ่จาก… https://alliancees.org ครับ!

Share this post

Add Properea's Friend

เพิ่ม Properea.com เป็นเพื่อนทาง Line
ท่านจะได้ Link บทความใหม่ส่งตรงให้อย่างสม่ำเสมอโดยรบกวนแต่น้อย

Related Post

นนทบุรีสมาร์ทซิตี้…

จังหวัดนนทบุรีโดยท่านภานุ แย้มศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี ร่วมกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) จัดหาโซลูชัน เพื่อนำมาแก้ไขปัญหาในพื้นที่ จ.นนทบุรี ไม่ว่าจะเป็น เรื่องนํ้าท่วม ขยะ ความปลอดภัย และการจราจร หรือ ข้อร้องเรียนต่าง ๆ ที่ DEPA มีโซลูชันเรื่องนี้รองรับไว้แล้ว เพื่อนำมาปรับใช้กับศูนย์ดำรงธรรมของจังหวัด ที่พบว่า มีการร้องเรียนเรื่องการควบคุมอาคารแต่ละปีจำนวนหลายเรื่อง หากมีข้อมูลหรือโปรแกรมพร้อมดำเนินการก็ไม่ต้องตั้งคณะกรรมการเข้าไปดำเนินการให้ล่าช้าอีกต่อไป

BAT

Basic Attention Token และ BAT Token

BAT มีเป้าหมายที่จะตัด “พ่อค้าคนกลางในวงการโฆษณาดิจิทัล” ออกไป ซึ่งตลาดกว่า 70% อยู่ในมือของ Google และ Meta หรือ Facebook เดิม… ซึ่ง “ผู้ซื้อโฆษณา” ถูกเอาเปรียบในรูปต่างๆ โดยไม่โปร่งใสมากมาย ในขณะที่ผู้ใช้เวบ หรือ Users ต่างก็โดนติดตามพฤติกรรมการใช้อินเตอร์เน็ตไปป้อนให้นักการตลาดตลอดเวลา

sme loans

3 สินเชื่อสู้โควิดจาก SME D Bank

ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ภายในประเทศที่ยังขยายตัวในวงกว้าง ส่งผลกระทบต่อ SMEs เป็นจำนวนมาก ทั้งปัญหายอดขายและรายได้ลดลง SME D Bank ในฐานะสถาบันการเงินของรัฐเพื่อ SMEs ไทย จึงออกมาตรการทางการเงินเสริม ด้วยแพคเกจสินเชื่อ “เติมทุน SMEs มีสุข ยิ้มได้” วงเงินรวม 15,000 ล้านบาท ภายใต้ 3 ผลิตภัณฑ์สินเชื่อใหม่ ได้แก่ SMEs D เติมทุน… SMEs มีสุข และ SMEs ยิ้มได้… ช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs ให้มีวงเงินเพิ่มขึ้น นำไปใช้เสริมสภาพคล่องและลดต้นทุนทางการเงิน

Tim Berners-Lee

We Need Diversity Of Thought In The World To Face The New Challenges ~ Tim Berners-Lee

เว็บไซต์แรกของโลกจึงถูกสร้างขึ้นที่ CERN และ ออนไลน์ครั้งแรกเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม ปี 1991 โดยเวบเพจหน้านั้นให้คำอธิบายว่า World Wide Web คืออะไร… จะเป็นเจ้าของเบราว์เซอร์ทำได้อย่างไร และ จะติดตั้งเว็บเซิร์ฟเวอร์ได้อย่างไร… นอกจากนั้น Web-Server ของ Tim Berners-Lee ยังถือว่าเป็น Web Directories แรกของโลก ซึ่งให้บริการเวบไซต์อื่นๆ และสร้างการเปลี่ยนแปลงให้อุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ครั้งใหญ่…