SUPERFOODS… อาหารขั้นเทพ

Superfoods

กระแสอาหารสำหรับคนรักสุขภาพ รวมทั้งผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก ซึ่งต่างก็เลือกสรรอาหารและเครื่องปรุงเฉพาะที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการตามต้องการ รวมทั้งการเลือกอาหารและเครื่องปรุงบางชนิด เพื่อลดความเสี่ยงต่อโรคภัย ซึ่งอาหารที่ถูกคัดสรรขั้นนี้ถูกจัดกลุ่มเรียกรวมกันว่า Superfoods

เดิมทีคำว่า Superfood ถูกสร้างขึ้นด้วยจุดประสงค์ทางการตลาดเพื่อกระตุ้นยอดขายสินค้าอาหาร โดยผู้ผลิตอาหารจะติดฉลากแถลงคุณประโยชน์ระบุถึงสารอาหารและประโยชน์ต่อสุขภาพ ที่ “อาจจะได้รับ” จากการรับประทานอาหารสูตรนั้น

Superfoods โดยวัตถุประสงค์ทางการสื่อสารจึงหมายถึง อาหารที่อุดมไปด้วยคุณประโยชน์ต่างๆ โดยประกอบด้วยสารทางโภชนาการ เช่น โปรตีน วิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระ… ซึ่งการรับประทานอาหารประเภทนี้จะช่วยบำรุงสุขภาพ… ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรัง หรือทำให้มีอายุยืนยาวขึ้นได้ นอกจากนี้ ผู้ที่รับประทาน Superfoods อาจมีรูปร่างและสุขภาพที่ดีกว่าผู้ที่ไม่รับประทานอาหารประเภทนี้อีกด้วย

โดยทั่วไป… Superfoods ในทางธุรกิจและการตลาด ส่วนใหญ่จึงเป็นอาหารแปรรูปที่มีการปรับปรุงองค์ประกอบทางโภชนาการที่สำคัญ รวมทั้งการใช้เครื่องปรุงหรือส่วนผสมอาหาร ที่มีข้อมูลบ่งชี้เรื่องคุณค่าหรือคุณสมบัติ ทั้งทางโภชนาการและทางยา ในการสร้างผลิตภัณฑ์อาหารระดับ Superfoods

โดยธรรมชาติ… อาหารและวัตถุดิบปรุงอาหารในธรรมชาติ ที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่ม Superfoods ก็มีอยูามากมายในทุกอารยธรรมอาหาร เช่น

  1. ไข่… เป็นอาหารที่มากคุณประโยชน์ชนิดหนึ่ง เพราะมีโปรตีนคุณภาพสูง และมีสารอาหารสำคัญอื่นๆ เช่น วิตามินเอ วิตามินบี ธาตุเหล็ก โคลีน ฟอสฟอรัส… นอกจากนี้ ภายในไข่ยังมีลูทีนและซีแซนทีน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องสุขภาพดวงตาและประสิทธิภาพในการมองเห็น… งานวิจัยทางการแพทย์ชี้ว่า การรับประทานไข่สัปดาห์ละ 6-12 ฟองนั้น ไม่เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานและโรคหัวใจแต่อย่างใด ถึงแม่ไข่จะมีปริมาณคอเลสเตอรอลสูงมาก และยังอาจจะเพิ่มระดับไขมันดีให้ร่างกาย ซึ่งอาจช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานและโรคหัวใจอีกด้วย… แต่ก็ยังเป็นข้อสรุปที่ไม่เด่นชัดและต้องมีการค้นคว้าวิจัยเพิ่มเติมในด้านนี้อีกมากหากต้องการข้อสรุปในระดับการรับประทานอาหารเพื่อป้องกันโรค
  2. แซลมอน… แซลมอนเป็นปลาทะเลที่อุดมไปด้วยสารอาหารมีประโยชน์ อย่างโปรตีน ไขมันดี วิตามินบี โพแทสเซียม ซีลีเนียม และโอเมก้า 3 ซึ่งดีต่อสุขภาพร่างกายอย่างมาก โดยการรับประทานปลาแซลมอนอาจช่วยควบคุมน้ำหนัก ลดการอักเสบ และลดความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานหรือโรคหัวใจได้อีกด้วย… อย่างไรก็ตาม แซลมอนหรืออาหารทะเลชนิดอื่นๆ อาจเสี่ยงมีโลหะหนักหรือสารพิษต่างๆ ปะปนอยู่… ดังนั้น ควรจำกัดปริมาณการรับประทานอาหารประเภทนี้ สัปดาห์ละไม่เกิน 2-3 หน่วยบริโภค เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากสารพิษดังกล่าว
  3. โยเกิร์ต… เป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากนม มีคุณค่าทางอาหารอย่างหลากหลาย มีแคลเซียม วิตามินบี ฟอสฟอรัส วิตามินดี และมีแบคทีเรียที่ดีต่อร่างกายอีกหลายชนิด… การรับประทานโยเกิร์ตอาจก่อให้เกิดประโยชน์หลายประการ เช่น ช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน ช่วยปรับสมดุลระบบย่อยอาหารและการขับถ่าย รวมทั้งช่วยป้องกันการติดเชื้อราในช่องคลอด… แต่ควรระวังเรื่องน้ำตาลส่วนเกินด้วย เพราะโยเกิร์ตบางชนิดอาจมีน้ำตาลผสมอยู่ในปริมาณมาก ซึ่งหากร่างกายได้รับน้ำตาลมากเกินไปก็อาจเป็นสาเหตุของโรคอ้วนหรือโรคเบาหวานได้
  4. พืชตระกูลถั่วและเมล็ดพืช… พืชตระกูลถั่ว เช่น ถั่วเหลือง ถั่วเขียว ถั่วลิสง เป็นต้น มีสารโภชนาการมากมาย อย่างโปรตีน วิตามินบี ใยอาหาร หรือแร่ธาตุต่างๆ ที่ช่วยเสริมสร้างสุขภาพ โดยประโยชน์อีกอย่างหนึ่งของถั่วคือ “อาจ” ช่วยป้องกันและควบคุมโรคต่างๆ ได้… งานวิจัยชิ้นหนึ่งพบว่า การรับประทานพืชตระกูลถั่วอาจช่วยควบคุมอาการของโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ให้ดีขึ้นได้ รวมทั้งอาจช่วยลดความดันโลหิตและระดับคอเลสเตอรอลด้วย ซึ่งการรับประทานถั่วชนิดต่างๆ เป็นประจำอาจส่งผลดีต่อผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก เพราะทำให้รู้สึกอิ่มท้องนาน… นอกจากนี้ ถั่วเปลือกแข็งและเมล็ดพืช อย่างเมล็ดทานตะวัน เมล็ดฟักทอง เมล็ดเจีย หรืออัลมอนด์ ก็มีเส้นใยอาหารสูง มีโปรตีนที่มาจากพืชและไขมันดีรวมอยู่ด้วย ทั้งยังมีสารประกอบต่าง ๆ ที่มีคุณสมบัติต้านการอักเสบและต้านอนุมูลอิสระ แม้ว่าถั่วเปลือกแข็งและเมล็ดพืชจะมีแคลอรี่สูงก็ตาม แต่ถั่วเปลือกแข็งบางชนิดอาจช่วยลดน้ำหนักได้หากรับประทานร่วมกับมื้ออาหารในปริมาณที่เหมาะสม
  5. ธัญพืช… ธัญพืชต่างๆ เช่น ข้าว ข้าวโอ๊ต ข้าวบาร์เลย์ ข้าวสาลี… อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ โดยธัญพืชแต่ละส่วน ล้วนมีประโยชน์ทั้งสิ้น เช่น จมูกข้าวเป็นแหล่งของไขมันดี วิตามินบี วิตามินซี และสารต้านอนุมูลอิสระ… หรือในเมล็ดข้าวก็เป็นแหล่งของโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และวิตามิน… ดังนั้น การรับประทานธัญพืชจึงเป็นผลดีต่อร่างกายอย่างมาก เพราะได้รับทั้งสารอาหารและยังอาจช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคอ้วน โรคหัวใจ โรคเบาหวาน และโรคมะเร็งบางชนิดได้อีกด้วย
  6. มันเทศ… เป็นพืชรสหวานที่มีประโยชน์มากมาย โดยมันเทศอุดมไปด้วยสารอาหารหลายอย่าง ทั้งใยอาหาร วิตามินเอ วิตามินซี และโพแทสเซียม… นอกจากนี้ มันเทศยังเป็นแหล่งของแคโรทีนอยด์ ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่อาจช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งบางชนิดได้ และถึงแม้มันเทศจะมีรสหวาน แต่การรับประทานอาหารชนิดนี้กลับไม่ได้เพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดมากอย่างที่คิด ในทางกลับกัน มันเทศอาจช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดสำหรับผู้ที่เป็นโรคเบาหวานประเภทที่ 2 ได้ด้วย
  7. ผักใบเขียว… พืชผักที่มีใบสีเขียวเข้ม อย่างผักกาดหอม ปวยเล้ง หรือคะน้า มีสารอาหารเป็นประโยชน์หลายชนิด ทั้งแคลเซียม ใยอาหาร วิตามินเอ วิตามินซี โฟเลต เหล็ก สังกะสี และแมกนีเซียม… ซึ่งผักใบเขียวเหล่านี้ยังอาจช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรังอย่างโรคเบาหวานประเภทที่ 2 หรือโรคหัวใจได้… นอกจากนี้ ผักที่มีใบสีเขียวเข้มยังมีสารต้านการอักเสบอย่างแคโรทีนอยด์ในปริมาณมาก จึงอาจช่วยป้องกันมะเร็งบางชนิดได้
  8. ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่… ทั้งสตรอเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ ราสเบอร์รี่ แบล็คเบอร์รี่ หรือแครนเบอรรี่ รวมถึงผลเบอร์รี่ชนิดอื่นๆ ต่างก็เป็นผลไม้ที่มีสารอาหารสำคัญ ทั้งวิตามิน แร่ธาตุ ใยอาหาร และสารต้านอนุมูลอิสระที่อาจช่วยลดความเสี่ยงต่อการอักเสบต่างๆ และลดความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งหรือโรคหัวใจได้ โดยการบริโภคผลเบอร์รี่ชนิดต่างๆ ควบคู่ไปกับการรักษาแบบดั้งเดิม อาจมีผลต่อการรักษาโรคในทางเดินอาหารและโรคที่เกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกันต่าง ๆ ได้
  9. ชาเขียว… แม้จะเป็นเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีนเล็กน้อย แต่ชาเขียวมีสรรพคุณทางยา เพราะอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและสารโพลีฟีนอลที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบได้ดี นอกจากนี้ ในชาเขียวยังมีสาร EGCG ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่อาจช่วยป้องกันโรคเรื้อรังอย่างโรคเบาหวาน โรคหัวใจ หรือโรคมะเร็งได้ อีกทั้งยังมีงานวิจัยเผยว่า การผสมผสานของสารคาเทชินและคาเฟอีนในชาเขียวนั้น อาจส่งผลดีกับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักบางรายอีกด้วย
  10. อะโวคาโด… เป็นผลไม้ที่มีคุณค่าทางอาหารสูงเช่นกัน โดยมีทั้งใยอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุหลายชนิด รวมมถึงยังมีกรดโอเลอิกซึ่งเป็นไขมันดีชนิดหนึ่งที่อาจช่วยลดการอักเสบในร่างกายได้ นอกจากนี้ การรับประทานอะโวคาโดอาจช่วยลดความเสี่ยงต่อกลุ่มอาการอ้วนลงพุง โรคเบาหวาน โรคมะเร็ง และโรคหัวใจได้
  11. น้ำมันมะกอก… เป็นน้ำมันที่สกัดมาจากผลมะกอก โดยในน้ำมันมะกอกมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวและสารโพลีฟีนอลอยู่ในปริมาณมาก รวมทั้งสารต้านอนุมูลอิสระอย่างวิตามินอีและวิตามินเคที่มีส่วนช่วยป้องกันความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ… ดังนั้น การเพิ่มน้ำมันมะกอกลงในมื้ออาหารอาจช่วยลดการอักเสบและลดความเสี่ยงต่อโรคบางชนิดอย่างโรคเบาหวานและโรคหัวใจได้

ผมคัดข้อมูลมาจากเวบไซต์ พบแพทย์ หรือ Pobpad.com ซึ่งข้อมูลชุดเดียวกันนี้มีเผยแพร่ในอินเตอร์เน็ตเหมือนกันในหลายๆ ภาษา… 

ประเด็นเป็นแบบนี้ครับ… นี่คือข้อมูลสากลทางอาหารที่คนทำธุรกิจอาหารสมควรเอามาใช้ประโยชน์ทางการตลาดและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ หรือ เมนูให้มาก… แต่อย่าลืมหาเอกสารอ้างอิงและงานวิจัยที่เชื่อถือได้มาอธิบาย หรือ เล่าประกอบเมนูหรือสินค้า Superfoods ของท่านให้สมบูรณ์… เท่านั้นเอง

References…

Share this post

Add Properea's Friend

เพิ่ม Properea.com เป็นเพื่อนทาง Line
ท่านจะได้ Link บทความใหม่ส่งตรงให้อย่างสม่ำเสมอโดยรบกวนแต่น้อย

Related Post

mixing truck

แนวโน้มธุรกิจวัสดุก่อสร้าง ปี พ.ศ. 2563-2565

วิจัยกรุงศรีคาดว่า… ปี พ.ศ. 2563 รายได้ของธุรกิจผลิตและจำหน่ายวัสดุก่อสร้างมีแนวโน้มหดตัวจากปี พ.ศ. 2562 ตามภาวะซบเซาของภาคก่อสร้างจากผลกระทบของวิกฤต COVID-19 โดยการก่อสร้างภาครัฐคาดว่าจะเติบโตชะลอลง 1.0-2.0% จาก 3.1% ในปี พ.ศ. 2562… ผลจากแผนลงทุนภาครัฐหลายโครงการมีความล่าช้า ขณะที่การก่อสร้างภาคเอกชนจะหดตัว 2.5-3.5% เทียบกับปี พ.ศ. 2562 ที่เติบโต 2.1%

SCG HEIM… เมื่อ SCG ลุยตลาดรับสร้างบ้าน

เมื่อช่วงกลางเดือนมกราคมที่ผ่านมา นายกสมาคมไทยรับสร้างบ้าน คุณสิทธิพร สุวรรณสุต ได้ออกมาบอกตัวเลข “บ้านเดี่ยวสร้างเอง” ของปี 2561 ว่า… มูลค่าตลาดรวมอยู่ราว 1.4 แสนล้านบาท

แนวคิดการเก็บค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมเป็นเงินสดของธนาคารพาณิชย์

ข่าวการเก็บค่าธรรมเนียมการถอนเงินสดแบบไม่ใช้บัตร ของธนาคารกรุงไทย ครั้งละ 10 บาทต่อธุรกรรมในช่วงที่ผ่านมา ถือว่าสร้างความตื่นตระหนกให้กับประชาชนและลูกค้าธนาคารค่อนข้างมาก เพราะผู้บริโภคส่วนหนึ่งไม่ “คุ้นชิน” กับการเก็บค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมการเงิน ทำให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ซึ่งนำไปสู่การ “พับแผน” การเก็บค่าธรรมเนียมดังกล่าวไว้ชั่วคราว และ กลับมาทบทวนแผนการเก็บธรรมเนียมต่างๆ ใหม่ในอนาคต ล่าสุดธนาคารแห่งประเทศไทยได้ออกมาประกาศว่า… ธนาคารแห่งประเทศไทยมีเป้าหมายในการยกระดับให้เกิดการใช้จ่ายผ่านช่องทางดิจิทัลมากขึ้น ให้เป็นช่องทางหลักของประชาชน เพื่อมุ่งหวังในการ “ลดใช้เงินสด”ในระยะยาว ภายใต้แผนชำระเงินปี พ.ศ. 2565-2567… โดยหนึ่งในเรื่องที่ต้องพิจารณาคือ

NCSA Thailand National Cyber Week 2023… 

นิทรรศการสัปดาห์วิชาการด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ หรือ NCSA Thailand National Cyber Week 2023 ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ หรือ สกมช. ได้สร้างสรรค์นิทรรศการด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เพื่อร่วมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และ ประสบการณ์ด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ระหว่าง NCSA หรือ สกมช. และ หน่วยงานพันธมิตร หน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง สถาบันวิจัยและพัฒนา ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ชั้นนำของไทย และ เจ้าของผลิตภัณฑ์ชั้นนำระดับโลก เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันด้านไซเบอร์ของธุรกิจไทยให้แข็งแกร่งในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล