ท่ามกลางข่าวร้ายหลายอย่างเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา… นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา สั่งเดินหน้าเร่งเครื่องนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษ ทั่วประเทศทั้งเหนือใต้อีสานและตะวันตก โดยแก้กฎหมายขยายอำนาจ คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือบอร์ดอีอีซี คุมพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษทั่วประเทศ เร่งวางแผนและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานหวังเชื่อมโยงการพัฒนาสู่ภูมิภาค
คุณกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นประธานรับทราบข้อเสนอในการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษของประเทศเพื่อกระจายความมั่งคั่ง สู่ภูมิภาค โดยถือเป็นแผนงานนโยบายสำคัญของรัฐบาลที่มีความต่อเนื่อง ภายหลังจากการดำเนินงานในโครงการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกแล้ว ตามที่สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
สำหรับแผนพัฒนาเศรษฐกิจ ภาคเหนือจะพัฒนาให้เป็นเขตเศรษฐกิจสร้างสรรค์ล้านนา หรือ Creative Lanna ในพื้นที่ จังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง และเชียงราย โดยมีอุตสาหกรรมที่ส่งเสริมได้แก่อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ซอฟแวร์ แฟชั่น และงานสถาปัตยากรรม เป็นต้น
ส่วนแผนการพัฒนาเขตเศรษฐกิจภาคใต้ หรือ SEC ได้แก่ จังหวัดชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช โดยต้องการที่จะพัฒนาให้เป็นประตูการค้าฝั่งตะวันตก การพัฒนาให้เป็นประตูสู่การท่องเที่ยวอ่าวไทย การอนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติ การส่งเสริม วัฒนธรรมและการพัฒนาเมืองน่าอยู่ รวมทั้งการพัฒนาอุตสาหกรรมชีวภาพและการแปรรูปเกษตรที่มีมูลค่าสูง
พื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ตั้งเป้าให้เป็นพื้นที่เศรษฐกิจชีวภาพ มีหลายจังหวัดที่เกี่ยวข้องได้แก่ จังหวัดขอนแก่น นครราชสีมา หนองคาย นครพนม มุกดาหาร สระแก้ว และ จังหวัดตราด โดยเป็นการลงทุนในเรื่องของอุตสาหกรรมชีวภาพที่ใช้ฐานวัตถุดิบสินค้าเกษตรมาเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้มากขึ้น
ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ไปเพิ่มเติมในเรื่อง เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันตก หรือ WEC และให้มีการวางแผนเรื่องการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ต่างๆ ที่จะเป็นโครงการสำคัญของแต่ละเขตเศรษฐกิจพิเศษที่จะมีการพัฒนาขึ้นมาใหม่ว่า… ควรมีโครงสร้างพื้นฐานเหมือนกับในการวางแผนการพัฒนาอีอีซีว่าจะต้อง มีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญอะไรบ้าง เช่น ทางหลวง รถไฟทางคู่ หรือรถไฟความเร็วสูงเพื่อสร้างการเชื่อมโยงระหว่างเขตเศรษฐกิจพิเศษต่างๆ กับอีอีซีและเขตเศรษฐกิจพิเศษอื่นๆ กับพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ ที่สำคัญ
ในส่วนของ โครงสร้างการบริหารเขตเศรษฐกิจพิเศษ ที่จะมีการจัดตั้งขึ้นใหม่จะมีการตั้ง คณะกรรมการเฉพาะขึ้นมาดูแลแยก การทำงานจากสำนักงานคณะกรรมการเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ สกพอ. เนื่องจากในอีอีซียังถือเป็นพื้นที่สำคัญในการส่งเสริมการลงทุนและดึงการลงทุนจากต่างประเทศและ มีโรงงานในพื้นที่กว่า 400 โรงงาน
อย่างไรก็ตาม ในระยะต่อไปจะมีการแก้ไข พ.ร.บ.เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกเพื่อให้คณะกรรมการเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานมีอำนาจหน้าที่ในการกำกับดูแลเขตเศรษฐกิจพิเศษทั่วประเทศทั้งอีอีซีและ เขตเศรษฐกิจพิเศษที่จะเกิดขึ้นใหม่ รวมทั้งนำกฎหมายพิเศษที่บังคับใช้อำนวยความสะดวกให้กับการลงทุนการเวนคืนที่ดิน การลดภาษีเป็นกรณีพิเศษ และมาตรการส่งเสริมการลงทุนอื่นๆ เป็นต้น
ตามนั้นเลยครับ… โมเดลความสำเร็จจาก EEC จะกลายเป็นรูปแบบสำคัญในการพัฒนาเขตเศรษฐกิจในภูมิภาคอื่นๆ ที่นับจากนี้ไป… การเปลี่ยนแปลงคงเกิดในอัตราเร่งที่ใครเผลอ… มีตกรถโอกาสเที่ยวนี้ค่อนข้างแน่ โดยเฉพาะที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งจะมีทั้งหมดโอกาสและมากโอกาสที่อาจจะเกิดขึ้นเพียงคนละฝั่งถนนก็ได้
อ้างอิง