ข่าวจากกรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคมซึ่งเดินหน้าปรับปรุงท่าเทียบเรือในเขตกรุงเทพ–ปริมณฑล จนแล้วเสร็จครบ 29 แห่งตามแผน ก่อนจะดำเนินการติดตั้ง “ระบบท่าเรืออัจฉริยะ หรือ Smart Pier” เพื่อเปิดให้บริการในปี พ.ศ. 2567 โดยตั้งเป้ายกเครื่องบริการเรือโดยสารในแม่น้ำเจ้าพระยาให้นำสมัยด้วยระบบดิจิทัล โดยมีข้อมูลอัพเดทเรื่องความคืบหน้านำเรือไฟฟ้ามาให้บริการ ซึ่งเอกชนผู้รับอนุญาตเดินเรือเตรียมบรรจุเรือ EV เพื่อให้บริการได้อีก 20 ลำในปีนี้
คุณสมพงษ์ จิรศิริเลิศ รองอธิบดีกรมเจ้าท่าด้านปฏิบัติการแถลงว่า… การพัฒนาท่าเรือโดยสารในแม่น้ำเจ้าพระยาเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลตามแผนทั้งหมด 29 แห่งนั้น ความคืบหน้าในขณะนี้มั่นใจว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จตามแผนคือภายในปี พ.ศ. 2566 โดยจะดำเนินการปรับปรุงทางกายภาพ และ ตกแต่งท่าเรือใหม่ให้เกิดความสวยงาม เกิดความสะดวกคล่องตัวสำหรับผู้ใช้บริการให้ครบทั้ง 29 แห่ง… หลังจากนั้น จะดำเนินการติดตั้งระบบให้เป็น “ระบบท่าเรืออัจฉริยะ หรือ Smart Pier” ในปี พ.ศ. 2567 โดยมีภาคเอกชนที่เชี่ยวชาญเข้ามาดำเนินการตามกรอบที่กรมเจ้าท่ากำหนด จะติดตั้งระบบต่างๆ ซึ่งเป็นการนำเทคโนโลยีระบบดิจิทัลมายกระดับบริการ
โดยรายละเอียดของระบบ Smart Pier เช่น ระบบบอกเวลาเรือเข้า–ออกท่าเรือแบบเรียลไทม์ของท่าเรือผ่านหน้าจอดิจิทัล เพื่อให้ผู้เดินทางรู้กำหนดเวลาแน่นอนที่เรือมาถึง สามารถบริหารเวลาการเดินทางได้… ระบบจัดเก็บค่าโดยสารแบบเงินดิจิทัล ระยะเริ่มแรกจะมีลักษณะเป็นบัตรเติมเงิน และ ตัดเงินค่าโดยสารผ่านบัตรใบนี้เพื่อช่วยลดการสัมผัส ก่อนที่ในอนาคตจะปรับเป็นระบบตัด–เติมเงิน ผ่านตัวอ่านข้อมูลในโทรศัพท์มือถือ ก็จะยิ่งได้รับความสะดวกไปอีก
นอกจากนี้… ระบบ Smart Pier ยังมีระบบแนะนำเส้นทางการเชื่อมต่อรถโดยสาร ทางลาดคนพิการ และห้องน้ำอัจฉริยะ ที่ทั้งสะอาด และ สามารถบริหารจัดการน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงจุดบริการชาร์จแบตเตอรี่มือถือ และ Free Wi-Fi ด้วยแนวคิดท่าเรือที่ไม่ใช่เพื่อการเดินทางเพียงอย่างเดียว แต่บุคคลทั่วไปสามารถใช้ประโยชน์ร่วมกันได้อีกด้วย
ส่วนความคืบหน้าการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ โดยทำเป็นท่าเรือระบบปิดนั้น… ในเรื่องนี้ได้นำเสนอข้อมูลให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาแล้ว โดยขั้นตอนต่อไปกระทรวงคมนาคมจะนำเข้าเสนอขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี อีกครั้ง
ที่ผ่านมา… กรมเจ้าท่ามีแผนพัฒนายกระดับท่าเรือโดยสารในแม่น้ำเจ้าพระยาในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จำนวน 29 แห่ง ระหว่างปี พ.ศ. 2562–2567 เพื่อพัฒนายกระดับท่าเรือให้มีความสวยงาม ส่งเสริมการท่องเที่ยวทางน้ำ ตลอดจนนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการควบคุมและบริหารจัดการบนท่าเรือ โดยความคืบหน้าปัจจุบันแบ่งเป็นท่าเรือที่ได้ดำเนินการแล้วเสร็จ จำนวน 5 แห่ง ได้แก่
- ท่าเรือกรมเจ้าท่า
- ท่าเรือสะพานพุทธ
- ท่าเรือนนทบุรี
- ท่าเรือท่าช้าง
- ท่าเรือสาทร
ส่วนที่จะดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จภายในปี พ.ศ. 2565 อีกจำนวน 6 แห่ง ได้แก่
- ท่าเรือราชินี
- ท่าเรือบางโพ
- ท่าเรือพายัพ
- ท่าเรือท่าเตียน
- ท่าเรือพระราม 7
- ท่าเรือเกียกกาย
โดยมีแผนก่อสร้างแล้วเสร็จภายในปี พ.ศ. 2567 จำนวน 18 แห่ง ได้แก่
- ท่าเรือพระปิ่นเกล้า
- ท่าเรือพระราม 5
- ท่าเรือสะพานกรุงธน (ซังฮี้)
- ท่าเรือเขียวไข่กา
- ท่าเรือโอเรียนเต็ล
- ท่าเรือเทเวศร์
- ท่าเรือราชวงศ์
- ท่าเรือสี่พระยา
- ท่าเรือพรานนก
- ท่าเรือพิบูลสงคราม 2 (นนทบุรี)
- ท่าเรือวัดตึก
- ท่าเรือพิบูลสงคราม 1
- ท่าเรือวัดเขมา
- ท่าเรือวัดสร้อยทอง
- ท่าเรือวัดเทพากร
- ท่าเรือวัดเทพนารี
- ท่าเรือรถไฟ
- ท่าเรือวัดเศวตฉัตร
โดยจะมีการติดตั้งระบบควบคุม และ บริหารจัดการบนท่าเรือเรือแล้วเสร็จทั้ง 29 ท่าเรือภายในปี พ.ศ. 2567
ในส่วนของตัวเรือ… กรมเจ้าท่าได้ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเรือโดยสารปรับเปลี่ยนรูปแบบเรือมาใช้พลังงานไฟฟ้า เพื่อลดมลพิษ และ ลดปริมาณการใช้พลังงานน้ำมัน พร้อมการนำเรือไฟฟ้า EV มาให้บริการท่าเรือในแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อให้สอดรับกับการพัฒนาท่าเรือเป็น Smart Pier ขณะนี้เอกชนที่ดำเนินการ แจ้งว่าภายในปีนี้จะมีการนำเรือไฟฟ้า เข้ามาให้บริการในระบบอีก 20 ลำ จากปัจจุบันที่มีให้บริการอยู่ 28 ลำ
ทั้งนี้… โครงการเรือโดยสารพลังงานไฟฟ้านับเป็นโครงการที่มีส่วนสำคัญเป็นความร่วมมือระหว่างกรมเจ้าท่า และ ภาคเอกชน ตามนโยบายกระทรวงคมนาคมในการพัฒนาระบบการคมนาคมขนส่งที่นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมพลังงานไฟฟ้ามาใช้เพิ่มขึ้น เพื่อสอดรับกับแผนพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาการจราจรทางบก ช่วยลดมลพิษ เพิ่มทางเลือก และ อำนวยความสะดวกให้กับประชาชนอีกเส้นทางหนึ่ง เชื่อมโยงเส้นทางการเดินทางของประชาชนด้วยยานยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบ ทั้งทางรถ ทางราง และ ทางเรือ ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม
References…