Self Organizing Systems & Termes Robot… คบปลวกสร้างบ้าน

Kilobots

ช่วงปี 2014… Justin Werfel และ Kirstin Petersen ขณะที่กำลังเรียปริญญาโทอยู่  Harvard School of Engineering and Applied Sciences เดินทางไปประเทศนามิเบียเพื่อถ่ายรูปกับจอมปลวกอาฟริกาสูง 8 ฟุต หรือราวๆ 2.4 เมตรที่เป็นแรงบันดาลใจในการค้นคว้าวิทยาการหุ่นยนต์ที่ได้แรงบันดาลใจจากปลวกสร้างรัง จนกลายเป็นโครงการ Harvard’s TERMES หุ่นยนต์ชั้นแรงงานแบบจัดการตัวเองได้ หรือ Self Organizing Systems

Kirstin Petersen และ Justin Werfel กับจอมปลวกแห่งแรงบันดาลใจที่ Namibia
จากแฟ้มภาพของ Dr.Radhika Nagpal, 2014
ปัจจบัน: Kirstin Petersen เป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้าน Bio-Inspired Robotics อยู่ที่ Cornell University

ก่อนหน้านั้น 4 ปี… Dr.Radhika Nagpal และ  Fred Kavli ศาสตราจารย์ด้าน Computer Science ที่ Harvard SEAS ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญและนักวิจัยด้าน Self-Organizing Systems ที่ Wyss Institute for Biologically Inspired Engineering at Harvard University… ได้ศึกษาระบบ TERMES และแสดงให้เห็นว่า ระบบประมวลผลของหุ่นยนต์ สามารถสร้างโครงร่างสามมิติที่ซับซ้อนร่วมกันของหุ่นหลายตัวแบบฝูงได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีคำสั่งกลางหรือการกำหนดบทบาทไว้ ผลของโครงการ 4 ปีถูกนำเสนอในที่ประชุม AAAS 2014 Annual Meeting ประจำปี 2014และตีพิมพ์ในนิตยสาร Science. ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ปี 2014 ด้วย

TERMES Robots สามารถสร้างปราสาทและปิรามิดจากอิฐได้เลย… โดย TERMES Robots จะช่วยกันสร้างบันไดขึ้น เพื่อไต่ไปยังระดับที่สูงขึ้นและเติมอิฐได้ทุกที่ที่ต้องการ ซึ่งในปัจจุบัน แนวคิดจากโครงการ TERMES ของ Harvard School of Engineering and Applied Sciences ชิ้นนี้ กลายเป็นแนวทางงานศึกษาวิจัยเทคนิคการก่อสร้างด้วยหุ่นยนต์ขนาดเล็กที่ทำงานเหมือนปลวกงาน เพื่อเติมช่องว่างงานก่อสร้างแบบ 3D Printing ที่กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว… ซึ่ง TERMES Robots จะกลายเป็นแรงงานกรรมกรก่อสร้างที่ทำได้ตั้งแต่ช่วยเรียงกระสอบทรายกันน้ำท่วม ไปจนถึงสร้างตึกบนดาวอังคาร และเป็นแรงงานก่อสร้างในอวกาศที่ไม่สิ้นเปลืองอ๊อกซิเจนอีกด้วย

Kilobots เป็นระบบหุ่นยนต์ฝูงราคาประหยัดและง่ายต่อการใช้งาน ในคลิปนี้ Kilobots รวมฝูงหุ่นยนต์พันตัว ด้วยอัลกอริทึมที่พัฒนาขึ้นโดย Dr.Radhika Nagpal จากสถาบัน Wyss Institute
เครดิต: Wyss Institute, Harvard University

ปี 2020 ในปัจจุบัน… หุ่นยนต์ส่วนใหญ่ได้รับการออกแบบให้ทำงานด้วย Self-Organizing Systems โดยนักวิจัยของ Wyss Institute กำลังพัฒนาหุ่นยนต์และอัลกอริทึม โดยสร้างฝูงหุ่นยนต์ที่ทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุเป้าหมายร่วมกัน โดยใช้หุ่นยนต์ “Kilobots” นับพันตัวในการทดสอบ Swarm Algorithms โดยโปรแกรมคำสั่งที่ซับซ้อนกับฝูงหุ่นยนต์… 

ลำดับต่อไป… โครงการวางแผนทดสอบและพัฒนา “อาณาจักรหุ่นยนต์” และระบบปฏิบัตการแบบรังผึ้ง หรือ Hive Operating System เพื่อให้ฝูงหุ่นยนต์เหล่านี้สามารถทำงานที่ซับซ้อนอย่างการอ่านไฟล์ 3 มิติงานก่อสร้างและทำงานประสานกันกับทีมหุ่นยนต์ภาคพื้น หุ่นยนต์บินและหุ่นยนต์ในน้ำ… ซึ่งเป้าหมายสูงสุดในการพัฒนาของทีมนักวิจัยจาก Wyss Institute คือการสร้างเซนเซอร์ไร้ที่ติ และ Controllers ที่ตอบสนองต่อการปรับเปลี่ยนเงื่อนไขคำสั่งปฏิบัติการที่ชาญฉลาด แม่นยำและตอบสนองอย่างรวดเร็ว อันเป็นหัวใจสำคัญอย่างแท้จริงของระบบฝูงหุ่นยนต์

Dr.Radhika Nagpal

ประเด็นก็คือ… แรงงานจากฝูงหุ่นยนต์เหล่านี้ทำงานได้หลายอย่างแทนมนุษย์แน่นอนแล้ว เหลือแต่พัฒนาให้ฝูงหุ่นยนต์เหล่านี้มีเซนเซอร์ที่แม่ยำกับการประมวลผลที่ชาญฉลาดกว่าต้นแบบเท่านั้น… ซึ่งในทางเทคนิคถือว่าโครงการรอประกาศความสำเร็จขั้นสูงสุดเท่านั้นเอง… จำชื่อ Dr. Radhika Nagpal นักวิจัยจาก The Harvard Wyss Institute for Biologically Inspired Engineering และ Co-Founder Root Robotics  เอาไว้ด้วยครับ… เธอคือศูนย์กลางการเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้

อ้างอิง
https://www.seas.harvard.edu/news/2014/02/robotic-construction-crew-needs-no-foreman

Share this post

Add Properea's Friend

เพิ่ม Properea.com เป็นเพื่อนทาง Line
ท่านจะได้ Link บทความใหม่ส่งตรงให้อย่างสม่ำเสมอโดยรบกวนแต่น้อย

Related Post

Findora… บล็อกเชนครบเครื่องเรื่องบล็อกเชน

Findora เป็นบล็อกเชนที่พัฒนาบนสถาปัตยกรรม Dual-Blockchain Architecture เพื่อ FinTech และ dApps ที่ต้องการความเป็นส่วนตัว หรือ Privacy และ Findora ยังเป็นเทคโนโลยีบล็อกเชนจากงานวิจัยอันเป็นที่ยอมรับแล้ว โดยใส่เทคโนโลยีความเป็นส่วนตัวของข้อมูล และ การบันทึกธุรกรรมที่แก้ปัญหา Scaling หรือ การปรับขยายเชิงปริมาณของธุรกรรมด้วยเทคโนโลยี Zero-Knowledge Proof ที่พัฒนาให้รองรับมาตรฐาน EVM หรือ Ethereum Virtual Machine พร้อมฟังก์ชั่นในการทำธุรกรรมข้ามบล็อกเชนด้วย MutiChain Architecture ได้อย่างสมบูรณ์… โดย Findora แก้ปัญหาจุดอ่อนของเทคโนโลยีบล็อกเชนรุ่นก่อนทั้งการรักษาความเป็นส่วนตัว… ความสามารถในการปรับขนาด… การเชื่อมต่อข้ามเครือข่ายกับบล็อกเชนอื่น และ ความสามารถในการตรวจสอบธุรกรรมที่เชื่อถือได้ด้วยความเร็วสูง… Findora จึงโดดเด่นด้วยเอกลักษณ์เฉพาะด้วยนิยามในการเป็น Scaling Ethereum Privacy Blockchain ที่มีอนาคตไกลมากไม่ธรรมดา

RavenCoin  

นับตั้งแต่ Smart Contract Blockchain อย่าง Ethereum ถูกแนะนำ และ ได้แสดงศักยภาพของการเป็นบล็อกเชนยุคที่ 2 ต่อจากบิตคอยน์ และ เหรียญ AltCoins หรือ Alternative Coins ที่ Fork มาจากบิตคอยน์ ซึ่งเป็นบล็อกเชนที่ประสบความสำเร็จสูงสุด พร้อมตำนานอันลึกลับของผู้สร้างอย่าง Satoshi Nakamoto… แต่การ Fork เครือข่ายบิตคอยน์มาสร้างบล็อกเชน และ AltCoins แบบ Proof-of-Work ตามอย่างบิตคอยน์หลังปี 2016 ดูเหมือนจะไม่มีโครงการไหนสามารถโตต่อจนมีมูลค่าได้ เพราะบิตคอยน์สร้างประเด็นถกเถียงที่น่ากังวลขึ้นมากมาย… กระทั่ง 31 ตุลาคม 2017 จึงมีการ Fork เครือข่ายบิตคอยน์ โดย Bruce Fenton ซึ่งทำงานอยู่ใน Bitcoin Foundation มาตั้งแต่ปี 2015… ซึ่งได้ให้กำเนิด RavenCoin ด้วยแนวคิดการปรับปรุงบิตคอยน์ให้แตกต่างออกไปจากทุกแนวคิดที่มีการถกเถียงขัดแย้งกันอยู่ในช่วงเวลานั้น

Covid-19, Economic Recession

ถ้า GDP ไทยต่ำกว่า -5%

หลายๆ ท่านในภาคธุรกิจคงมี Scenario บนสมมุติฐานที่ธุรกิจติดขัดฝืดเคืองจากปัจจัยที่ท่านเองน่าจะมองขาดว่ามีอะไรที่กระทบบ้างกันอยู่แล้ว… ที่จะขอก็เพียงแค่ อย่าได้ “หวังว่า” ปัจจัยด้านลบและด้านที่กระทบ จะดีกว่าที่คาดเท่านั้นเอง แล้วหันมาดูจุดแข็งและทรัพยากรที่เหลืออยู่โดยไม่ได้รับผลกระทบ และโฟกัสปัจจัยเหล่านั้นเป็นโอกาสดูก่อน… หรือเลวร้ายสุดถึงขั้นต้องสละเรือแบบทิ้งทุกอย่างไว้กลางมหาสมุทรตรงนั้น เพื่อขึ้นแพเข้าฝั่งไปตั้งหลักใหม่ก็รีบทำ

Beige Book… รายงานสีเบจของธนาคารกลางแห่งสหรัฐอเมริกา

Beige Book จากธนาคารกลางแห่งสหรัฐอเมริกา หรือ FED ฉบับวันที่ 19 เมษายน 2023 ซึ่งเป็นเอกสารเผยแพร่ของธนาคารกลางแห่งสหรัฐอเมริกาฉบับหนึ่งที่ถูกอ้างถึงในข้อมูลเศรษฐกิจ และ การลงทุนในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมาอย่างมาก ซึ่งหลายท่านที่ยังใหม่กับตลาดทุน และ ข่าวเศรษฐกิจที่กระทบการซื้อขายสินทรัพย์ลงทุนที่ผันผวน และ อ่อนไหวต่อข่าวสูง