ข้อมูลล่าสุดจากเว็บไซต์สภาพอากาศ ClimateReanalyzer.org ระบุว่า… ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนเมษายน หรือ เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ได้ตวจพบอุณหภูมิผิวน้ำของมหาสมุทรทั่วโลกร้อนขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนแตะระดับทำลายสถิติที่ 21.10 องศาเซลเซียส หรือ 69.98 องศาฟาเรนไฮต์ ทำลายสถิติข้อมูลเดือนมีนาคม ปี 2016 ซึ่งวัดระดับอุณหภูมิผิวน้ำสูงสุดได้โดยเฉลี่ยที่ 21.00 องศาเซลเซียส… โดยสถิติสูงสุดของปีนี้ และ สถิติเดิมจากเดือนมีนาคม ปี 2016 ต่างก็ร้อนแรงกว่าค่าเฉลี่ยระหว่างปี 1982 – 2011 อยู่มากกว่า 1 องศาเซลเซียส
ข้อมูลจาก National Oceanic and Atmospheric Administration หรือ NOAA ระบุว่า… สาเหตุที่ทำให้ผิวน้ำในมหาสมุทรร้อนขึ้นเรื่อยๆ นั้น มีอยู่สองประการด้วยกัน หนึ่งคือภาวะโลกร้อนที่เกิดจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยเฉพาะอย่างยิ่งก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ขึ้นไปสะสมตัวอยู่ในชั้นบรรยากาศ
ส่วนสาเหตุประการที่สองนั้น ได้แก่การสิ้นสุดของปรากฏการณ์ลานีญา 3 ปีซ้อน เมื่อช่วงกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ทำให้ไม่มีสภาพอากาศหนาวเย็นและฝนตกชุกในแถบแปซิฟิก มาคอยทำหน้าที่ลดระดับอุณหภูมิบริเวณผิวน้ำทะเลลง… โดยปรากฏการณ์ลานีญา หรือ La Niña ครั้งล่าสุด ซึ่งเริ่มขึ้นตั้งแต่เดือนกันยายนปี 2020 จนทำให้เกิดฝนตกหนัก และ อากาศหนาวเย็นในแถบมหาสมุทรแปซิฟิกติดต่อกันนานผิดปกติถึง 3 ปี ได้สิ้นสุดลงไปแล้วเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
ข้อมูลจากกรมอุตุนิยมวิทยาของประเทศออสเตรเลีย ได้ประกาศเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2023 ที่ผ่านมาว่า ความเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงในแบบจำลองภูมิอากาศโลกปัจจุบัน ชี้ถึงสภาวะหยุดนิ่งเป็นกลางทางภูมิอากาศ ซึ่งปกติจะเกิดขึ้นระหว่างการสลับสับเปลี่ยนไปมาของปรากฏการณ์เอลนีโญ – ลานีญา… นั่นแปลได้ว่า ปรากฏการณ์ลานีญาที่ยาวนานถึง 3 ปีซ้อน ได้สิ้นสุดลงแล้วอย่างเป็นทางการ ถึงแม้ว่าบรรดานักอุตุนิยมวิทยาทั่วโลกระบุตรงกันว่า… จะเกิดสภาพภูมิอากาศแบบขั้วตรงข้ามติดตามมาในไม่ช้า ซึ่งก็คือปรากฏการณ์เอลนีโญที่มีความรุนแรงกว่าในอดีต โดยมีโอกาสจะเกิดขึ้นภายในปีนี้ถึงกว่า 50%
References…