ความเคลื่อนไหวของราคาหลักทรัพย์ในตลาดซื้อขายสินทรัพย์ลงทุนทุกชนิด ทั้งหุ้น อัตราแลกเปลี่ยน คริปโต ทองคำ น้ำมัน รวมทั้งโลหะมีค่าและสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ อีกมากมายนั้น นักลงทุนบางกลุมจะเชื่อว่าการวิเคราะห์ทางเทคนิคและคลื่นราคาจาก Period สั้นๆ มีความปลอดภัยต่อการลงทุนมากกว่าการลงทุนระยะยาวซึ่งมีทิศทางแนวโน้มผันผวนและประเมินได้ยากกว่า ซึ่งความเชื่อและแนวคิดการลงทุนระยะสั้นมากๆ นี้จะมุ่งเป้าการทำกำไรจากส่วนต่างราคาเพียงช่วงแคบๆ เน้นการเปิดและปิดออเดอร์อย่างรวดเร็ว
การหารกำไรจากส่วนต่างราคาที่บางมากเท่าที่จะเป็นไปได้นี่เอง ที่มีการตั้งชื่อรูปแบบ หรือ Style การเทคดลงทุนแบบนี้ว่าเป็นการลอกเอาแต่หนังบางๆ หรือ Scalp ซึ่งรากศัพท์หมายถึงการถลกหนังเป็นรางวัลของผู้ล่า
นักลงทุนแบบ Scalp หรือ Scalping Trader จึงเป็นนักลงทุนที่ต้องใส่ทุนก้อนใหญ่เข้าไปกับหนึ่งออเดอร์ เพื่อให้กำไรต่อทุนที่บางมากกลายเป็นกำไรก้อนใหญ่… ซึ่งในทางเทคนิคไม่ถือว่าความเสี่ยงในการลงทุนน้อยลงแต่อย่างใด… เพียงแต่ข้อดีจริงๆ ของการลงทุนแบบ Scalp Trading จะเป็นความสามารถในการทำกำไรในตลาด Sideway ซึ่งเป็นภาวะที่ตลาดเคลื่อนไหวด้วยกรอบราคาค่อนข้างแคบ และ มีโอกาสที่ตลาดจะอยู่ในภาวะ Sideway ไม่น้อยกว่า 50-60% ซึ่งช่วงราคา หรือ Spread ระหว่างราคาเสนอซื้อกับราคาเสนอขายก็จะค่อนข้างแคบด้วย โดยเฉพาะสินทรัพย์ลงทุนที่สภาพคล่องสูง ถึงแม้จะเป็น Spread ของสินทรัพย์ลงทุนที่มีการเคลื่อนไหวของราคาหวือหวาจนเห็นการใช้นโยบาย Dynamic Spread ตามอุปสงค์อุปทานจริงในตลาด ซึ่งจะถ่างกว้างมากในภาวะตลาดผันผวน และ Bull/Bear Run เช่นบิทคอยน์และสินทรัพย์ในตลาดคริปโต
ส่วนเทคนิคการ Scalping ของนักลงทุน… จะใช้กลยุทธ์การเข้าเร็วโดยด้วย Period สั้นๆ เช่น TF 1 นาที หรือ 5 นาที และตรวจสอบสัญญาณกับเครื่องมือทางเทคนิคที่นักลงทุนถนัด เช่น การใช้ Bollinger Bands เกาะแนวโน้มและพฤติกรรมราคา คู่กับ Stochastic RSI เพื่อตรวจสอบภาวะการแกว่งตัวว่าอยู่ในภาวะ Overbought หรือ Oversold… และต้องบริหารความเสี่ยงอย่างเหมาะสมให้สอดคล้องกับพฤติกรรมราคาของสินทรัพย์ลงทุนรายตัว
เล่าให้ฟังได้เฉพาะที่เป็นแนวคิดและหลักการกว้างๆ ก่อนครับ… เพราะรายละเอียดจริงๆ จะเป็นทักษะและประสบการณ์ส่วนตัวของนักลงทุน ซึ่งเลียนแบบกันได้ไม่ง่าย
Refereces…