ข่าวจากทำเนียบขาวกรณี Restaurant Revitalization Fund หรือ RRF หรือ กองทุนเยียวยาร้านอาหารและภัตตาคารในสหรัฐอเมริกา ของรัฐบาลวอชิงตันภายใต้การนำของประธานาธิบดี Joe Biden ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด… ซึ่งประกาศออกมาเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม ปี 2021 ที่ผ่านมา… ดูเหมือนจะเป็นขวัญกำลังใจที่เต็มไปด้วยความหวัง ที่ผู้นำชาติมหาอำนาจ ได้ผลักดันยุทธศาสตร์การฟื้นฟูที่ให้ภาพอันเป็นรูปธรรมค่อนข้างชัด และน่าจะกลายเป็นต้นแบบให้อีกหลายประเทศในโลกเอาไปปรับใช้
กรณีเดียวกันนี้… ความเห็นจากคุณสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และ กระทรวงพลังงาน ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมเศรษฐกิจรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ชุดแรกที่เคียงบ่าเคียงไหล่สู้ศึกโควิดในช่วงต้น และ มีส่วนสำคัญในการวางกรอบการพยุงสภาพเศรษฐกิจและสังคมเอาไว้ค่อนข้างดี ก่อนที่ทีมเศรษฐกิจชุดปัจจุบันจะมาสานต่อ
คุณสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ให้ความเห็นกับนักข่าวเกี่ยวกับแผน กองทุนเยียวยาร้านอาหารและภัตตาคารในสหรัฐอเมริกา ของประธานาธิบดี Joe Biden ว่า… นโยบายนี้ค่อนข้างน่าสนใจ และ เหมาะมากในการนำมาปรับใช้กับประเทศไทย ที่ร้านอาหารและภาคบริการเป็นหัวใจสำคัญมากและมีอยู่ทั่วประเทศ ซึ่งจะเป็นการช่วยฟื้นธุรกิจ ช่วยให้สามารถดูแลพนักงานและเกิดรายได้กับผู้ค้าขายกับร้านอาหารเป็นจำนวนมาก เศรษฐกิจของประเทศเราหลังวิกฤตโควิด19 จำเป็นต้องฟื้นชีวิตธุรกิจที่หยุดนิ่งให้เดินต่อโดยเร็ว…
ในสหรัฐอเมริกา… โครงการเยียวยาร้านอาหารและภัตตาคาร เปิดตัวครั้งแรกเมื่อวันจันทร์ที่ 3 พฤษภาคม ซึ่งทำเนียบขาวให้ข้อมูลว่า มีผู้ประกอบธุรกิจร้านอาหาร บาร์ และธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องมากกว่า 186,200 แห่ง จากทั้ง 50 รัฐทั่วประเทศสนใจสมัครร่วมโครงการ ซึ่งประธานาธิบดี Joe Biden ยืนยันว่าโครงการเยียวยาร้านอาหารนี้มีความจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการฟื้นฟูเศรษฐกิจ
โดยให้เหตุผลว่า… ร้านอาหารเป็นมากกว่าแรงขับเคลื่อนสำคัญในเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา พวกเขารวมเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างชุมชน… สำหรับครอบครัวส่วนใหญ่ ร้านอาหารจะเป็นประตูสู่โอกาสและเป็นส่วนสำคัญในเรื่องเล่าของชาวอเมริกัน…
ข้อมูลผลกระทบของการแพร่ระบาดอย่างรุนแรงของโรคโควิด 19 ในสหรัฐอเมริกาพบแรงงานในอุตสาหกรรมอาหารทั่วประเทศเกือบครึ่ง… ต้องสูญเสียงานภายในระยะเวลาเพียง 2-3 เดือนแรกที่เกิดการระบาด ขณะที่รัฐบาลวอชิงตันพยายามฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศอย่างต่อเนื่อง แต่อุตสาหกรรมอาหารในประเทศก็ยังคงซบเซา และมีอัตราจ้างงานลดลงถึง 1.8 ล้านตำแหน่ง นับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว
แผนเยียวยาที่สำคัญเริ่มด้วยแผน 21 วันแรกของโครงการ… จะให้ความสำคัญไปที่การเยียวยาธุรกิจร้านอาหารและบาร์ขนาดเล็ก โดยให้ความสำคัญก้บร้านที่เจ้าของเป็นผู้หญิง ทหารผ่านศึก และผู้ด้อยโอกาสทางสังคมหรือเศรษฐกิจเป็นลำดับแรก โดยรัฐบาลวอชิงตันได้จัดสรรงบประมาณสำหรับการเยียวยาธุรกิจร้านอาหารและบาร์ขนาดเล็ก จำนวน 9,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แบ่งเป็น… 4,000 ล้านดอลลาร์สำหรับธุรกิจร้านอาหารและบาร์ที่มีรายได้ระหว่าง 500,000–1,500,000 ดอลลาร์ในปี 2019… และ 5,000 ล้านดอลลาร์ สำหรับธุรกิจที่รายรับไม่เกิน 500,000 ดอลลาร์ในปี 2019… และอีก 500 ล้านดอลลาร์ สำหรับธุรกิจที่มีรายได้ไม่เกิน 50,000 ดอลลาร์ในปี 2019
โดยส่วนตัวมีความเห็นต่อโครงการเยียวยาร้านอาหารและภัตตาคารของรัฐบาลวอชิงตัน ไม่ต่างจากความเห็นของท่านอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์… และมองว่า การฟื้นฟูเศรษฐกิจนอกจากจะโฟกัสการท่องเที่ยวแล้ว ธุรกิจอาหารควรจะได้วัคซีนในฐานะด่านหน้าเสมอธุรกิจท่องเที่ยว และควรหา Soft Loan ที่เข้าถึงพึ่งได้จริงๆ หรือแผนช่วยเหลือให้ร้านอาหารที่ทำมาหากินอยู่ก่อนเกิดโควิด… ได้เปิดเตาของพวกเขาอย่างมั่นใจอีกครั้ง… อย่าลืมรายย่อยที่ทำอาหารขายตลาดนัดที่ส่วนหนึ่งเป็นคนตกงาน และ อีกส่วนหนึ่งหาเช้ากินค่ำอยู่ก่อน
ตามนั้นครับ!!!
References…