กระแสทิ้งคอนโดกลางกรุงหาซื้อบ้านชานกรุง ที่กำลังเกิดขึ้น ในวันที่คนเมืองกรุงต่างรู้จักเพื่อนบ้านน้อยมากจนการใช้ลิฟท์ตัวเดียวกันในคอนโดมิเนียมหลังเดียวกัน สร้างความระแวงจนหลายคนที่มีบ้านอีกหลังอยู่แล้ว จึงเลือกปิดห้องในคอนโดหนีกลับบ้านไปทำงานแบบ Work From Home ไกลแสงสีหน่อยก็ยอม
พูดถึง Work From Home หรือแม้แต่ Remote Work From Anywhere ที่มาเร็วและอยู่ยาวกับอาชีพการงานคนไทยแน่นอนแล้ว ซึ่งกิจการส่วนใหญ่ที่มีสำนักงานให้พนักงานเดินทางมาช่วยงานกัน ต่างก็ได้สัมผัสประสบการณ์การร่วมงานกันผ่านเครื่อข่ายการสื่อสารออนไลน์ และค้นพบว่า ถ้าตัดความน่าเบื่อเรื่องเจ่าจุกไม่ได้ไปไหนนับสิบสัปดาห์ติดต่อกัน การ Work From Home ก็มีข้อดีมากมายและส่วนใหญ่ก็ปรับตัวชื่นชอบที่สามารถจัดการธุระได้โดยไม่ต้องเดินทางมาที่สำนักงาน หรือฝ่ารถติดไปไหนเหมือนแต่ก่อนก็ได้
แนวโน้ม Work From Home คราวนี้ จึงทำให้ยอดขายคอนโดมิเนียมกลางกรุง ที่ส่วนใหญ่ลูกค้าเป้าหมายนอกจากจะเป็นต่างชาติแล้ว ก็เป็นกลุ่ม White Collar ทำงานในสำนักงานไม่ไกลจากย่าน CBD ที่เข้าถึงด้วยรถไฟฟ้าสารพัดสี… และเมื่อ White Collar สามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้ การเทขาย Land Bank ของนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เตรียมขึ้นโครงการ Mix-used บ้าง หรือคอนโดมิเนียมบ้าง จึงเกิดขึ้นให้เห็น พร้อมๆ กับยอดขายยอดจองบ้านและ Townhome ชานเมืองดีดตัวขึ้นสวนทางยอดขายคอนโดมิเนียมทันที
ประเด็นคือ Remote Working เป็น New Normal ที่กระทบการใช้ชีวิตประจำวันของคนวัยทำงานชัดเจนแล้ว ซึ่งผมเชื่อว่า การซื้อบ้านอยู่ชานเมืองหรือต่างจังหวัดที่เดินทางสะดวก… คือแนวโน้มทำเลอสังหาริมทรัพย์แนวราบ หรือบ้านของหลายๆ คนอย่างแน่นอนแล้วเช่นกัน
ข้อมูลเรื่อง Remote Working คือ New Normal ไม่ใช่เรื่องใหม่… และข้อมูลคนสนใจบ้านชานเมืองและบ้านบนดินก็ไม่ใช่เรื่องใหม่… แต่โอกาสการเสนอบ้านให้เช่าหรือขายแบบ LeaseHold ให้ชาวต่างชาติและนักเดินทางแบบ Nomad Worker ที่มีอยู่มากมายทั่วโลก ผมเชื่อว่าชดเชยศักยภาพการท่องเที่ยวที่ประเทศไทย อาจจะกลับไปทำทัวส์นับหัวปีละ 40-50 ล้านหัวแบบเดิมไม่ได้แล้ว… อย่างมีนัยยะ
แต่โปรแกรมท่องเที่ยวเดินทางทำงานแบบที่รองรับ Remote Anywhere อาจจะต้องเปลี่ยนมุมมองจากทัวส์ถนนคนเดิน ทัวส์เข้าวัดขี่ช้างโหนสลิง ไปสู่การพัฒนาโครงข่ายอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงจริงๆ ที่ Landlord และคนทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ต้องทำการบ้านกันไกลกว่าแค่ออกแบบและสร้างบ้านแบบมีเสาฝาหลังคารั้วขาย… เพียงเพราะมีคนไม่อยากซื้อคอนโดมิเนียม
ผมเชื่อว่า! ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไม่ใช่เรื่องในประเทศธรรมดาๆ อีกแล้ว… และโดยส่วนตัวผมเชื่อว่า COVID-19 มีวัคซีนใช้แน่นอนใน 12-18 เดือนข้างหน้า และเรื่อง Social Distancing ก็จะไม่ใช่อุปสรรคระดับวิกฤตขนาดนี้อีกต่อไป… แต่ที่เหลืออยู่คือ การทำงานจากที่ไหนซักแห่งบนโลกใบนี้ ที่คนจะเดินทางมาทำงานน้อยลง แต่ได้งานมากขึ้น
รายงานเรื่อง State Of Remote Work จาก Buffer.com เวบไซด์ผู้ให้บริการผู้ช่วยการทำงานออนไลน์และ Remote Working แบบต่างๆ สรุปว่า… แนวโน้ม Remote Working ไม่ใช่กระแสชั่วครู่ชั่วคราว… Remote Working เป็นพัฒนาการของรูปแบบการทำงานที่ต้องการทั้งผู้ช่วยและโครงสร้างพื้นฐานมากมายรองรับ ซึ่งลูกค้าของ Buffer กว่า 75,000 คนที่ได้รับการดูแลจากทีม Buffer 85 คนใน 15 ประเทศ ที่พวกเขาค้นพบพฤติกรรมคนทำงานที่มีโอกาสหยุดงานพักผ่อนมากมาย แต่ลูกค้าของ Buffer ส่วนใหญ่ทำงานตลอดเวลาจากบ้านและระหว่างเดินทางท่องเที่ยว



ผมยกเอากรณีของ Buffer.com มาพูดถึงเพื่อจะต่อยอดแนวโน้มให้เห็นอีกหน่อยว่า กลุ่มคนที่ “เลือกและสามารถทำงานแบบ Remote Working” มีมากมายทั่วโลกและต้องการผู้ช่วยยิ่งกว่าการทำงานร่วมกับเพื่อนร่วมงานในสำนักงาน
ประเด็นคือ Remote Workers ต้องการมากกว่าที่พัก อาหารหรือการเดินทางครับ… คนกลุ่มนี้ต้องการผู้ช่วย หรือเลขา หรือนายหน้า หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ช่วยให้ภาระประจำวันของพวกเขาราบรื่นกับที่พักอาหารและการเดินทาง… เพื่อจะได้ดำดิ่งกับงานและเป้าหมายที่อยู่ไกลออกไปแต่เอื้อมถึง
คำถามคือ… ต้องพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และเสนอบริการแบบไหนจึงจะได้ใจและได้ตั้งค์คนเหล่านี้?
อ้างอิง