หลังการขึ้นรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนใหม่ของ Joe Biden… ดูเหมือนความเคลื่อนไหวเชิงยุทธศาสตร์จากสหรัฐอเมริกา ที่เคยเละตุ้มเป๊ะตลอด 4 ปีที่ผ่านมา น่าจับตาความเปลี่ยนแปลงที่อาจจะกระทบโอกาสและอุปสรรค จากระดับกลไกการเมืองระหว่งประเทศซึ่งมีผลกระทบผ่านภาพรวมระดับมหภาคค่อนข้างชัด…
12 มีนาคม ปี 2021… สำนักข่าวหลักๆ ทั่วโลกพร้อมใจกันเผยแพร่ภาพข่าวและข้อมูลการประชุมทางไกลของผู้นำสูงสุด 4 ชาติได้แก่ ออสเตรเลีย อินเดีย ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา ที่เรียกว่า Quad Summit หรือ Quadrilateral Security Dialogue หรือ การสนทนาด้านความมั่นคง 4 ฝ่าย ภายใต้ความตกลงแบบพหุภาคีของ 4 ชาติที่เรียกชื่อกลุ่มในภาระกิจนี้ว่า “QUAD”
ประเด็นก็คือว่า… ความเคลื่อนไหวในการก่อตั้ง Quad มีกลิ่นของความขัดแย้งระดับ “ขั้วมหาอำนาจ” เหมือนเมื่อครั้งมีการก่อตั้งกลุ่ม NATO ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สองเพื่อสกัดกั้นอิทธิพลจากสหภาพโซเวียตเป็นหลัก… ซึ่งการก่อตั้ง Quad ในครั้งนี้ก็เพื่อสกัดกั้นอิทธิพลจากจีนที่เข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆ ในภูมิภาคอินโดจีน จนคุกคามผลประโยชน์ประเทศอื่นๆ จนถูกหมายหัว
รายงานข่าวแจ้งว่า… การประชุม Quad Summit โดยมีประเด็นความวิตกกังวลต่อบทบาทของจีนในเวทีโลกที่ถูกมองว่า “แข็งกร้าวและท้าทาย” ขึ้นมากตลอดหลายปีที่ผ่านมา… และ ประธานาธิบดี Joe Biden แห่งสหรัฐอเมริกา ก็ออกแรงด้วยตัวเองอย่างเร่งด่วนมาตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งใหม่ โดยมีผู้นำจากชาติพันธมิตรใน Quad อย่าง Narendra Modi นายกรัฐมนตรีอินเดีย… Yoshihide Suga นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น… และ Scott Morrison นายกรัฐมนตรีจากออสเตรเลีย… เห็นพ้องในยุทธศาสตร์ “ต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อกีดกันจีน”
วาระเร่งด่วนที่สุดในครั้งนี้… มหาอำนาจกลุ่ม Quad ได้เห็นพ้องในแผนการริเริ่มใหม่หลายประเด็น โดยเฉพาะแผนการ “หุ้นส่วนวัคซีนกลุ่มคว็อด หรือ Quad Vaccine Partnership” ซึ่งชัดเจนว่า เป็นความพยายามประสานความร่วมมือเพื่อต่อต้านกีดกันทางนโยบายต่อ “การทูตวัคซีน หรือ Vaccine Diplomacy” ของจีน… โดยมีความตกลงระดับแผนปฏิบัติในการขยายความช่วยเหลือทางสาธารณสุขและการกระจายวัคซีนป้องกันโควิด จำนวน 1,000 ล้านโดสให้แก่ชาติต่างๆ ในเอเชีย
ความเคลื่อนไหวนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่น่าจับตาอย่างมาก… โดยมีบทวิเคราะห์หลากหลายจากผู้เชี่ยวชาญกิจการระหว่างประเทศทั่วโลก เผยแพร่ออกมาหลังจากการประชุมสิ้นสุดลงในไม่กี่ชั่วโมง… โดยเฉพาะการวิเคราะห์ท่าทีและความพยายามอธิบายบริบทของ Quad แบบแบ่งรับแบ่งสู้จากที่ปรึกษาความมั่นคงของทำเนียบขาวอย่าง Jake Sullivan เมื่อถูกนักข่าวสัมภาษณ์… ซึ่งตอนหนึ่งของคำอธิบายจาก Jake Sullivan ได้ยอมรับว่า… ผู้นำทั้ง 4 ได้มีการหารือเกี่ยวกับความท้าทายซึ่งเกิดขึ้นจากจีนกันจริงๆ และยังยืนยันเพิ่มเติมว่า… นี่ไม่ใช่การจัดตั้งพันธมิตรทางทหาร หรือ Military Alliance อย่างแน่นอน ซึ่งยืนยันจากแผนการช่วยเหลือวัคซีนเร่งด่วน และการหารือทางเศรษฐกิจหลายประเด็นย่อย โดยไม่มีข้อเสนอทางทหารใดๆ
รายละเอียดความเคลื่อนไหวนี้มีเยอะมากครับ แต่ผมขอตัดจบที่จะรีวิวสถานการณ์นี้เท่านี้ก่อน… โดยส่วนตัวสนใจและติดตามกลไกการสร้างดุลย์อำนาจโลกของสหรัฐอเมริกา ซึ่งยังคงมุ่งมั่นที่จะเข้าไปมีส่วนกับผลประโยชน์กับทุกภูมิภาคทั่วโลกไม่เคยเปลี่ยนแปลง… โดยเฉพาะการหนุนหลังอินเดียในอุตสาหกรรมไฮเทคมากมายมาตั้งแต่ปลายยุค 90 จนเราได้เห็นหัวกระทิจากอินเดียไปเป็นนักบริหารมากมายในสหรัฐในเวลาต่อมา
ประเด็นเป็นแบบนี้ครับ… โดยความเห็นส่วนตัวมองว่า ประเทศไทยและคนไทยคงได้ประโยชน์น้อยมากจากยุทธศาสตร์ปิดล้อมจีนในเอเชียแปซิฟิก ซึ่งคงหนีไม่พ้น “เกมส์บีบให้ได้อย่างใจ” ของทั้งสองขั้วอำนาจค่อนข้างแน่… ซึ่งโอกาสในความเคลื่อนไหวผ่านเวที Quad ครั้งนี้จึงมีไม่มากจากออสเตรเลียหรือสหรัฐอเมริกา… แต่กับญี่ปุ่นและอินเดียผมมองว่า ยังมีช่องว่างให้เรา “แทรกฉวย” แบบงับประตูบานโน้นมาแง้มบานนี้ได้อยู่
อย่างน้อยก็เพื่อระบายแรงบีบจากทั้งสองขั้วที่เดาไม่ได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับไทยและเพื่อนบ้านชายแดนติดกันบ้าง… ยิ่งสถานการณ์ในพม่าล่อแหลมต่อการแทรกแทรงของนานาชาติเข้าไปเรื่อยๆ แล้วหล่ะก็… เหตุการณ์แบบสงครามเวียดนามแต่ไทยเละเหมือนในอดีตก็ยังเป็นไปได้อยู่ไม่น้อย
หรือผมคิดมากอยู่คนเดียวก็ไม่รู้!
References…