มีข่าวรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ มอบนโยบายให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ เร่งศึกษาจัดทำแพกเกจมาตรการส่งเสริมการลงทุนเพิ่มเติมให้สอดรับกับ CIVID-19 เพื่อให้ไทยเป็น Hub หรือ ศูนย์กลางการลงทุนใน CLMVT โดยเน้นอุตสาหกรรมเกษตรอาหาร ดิจิทัล และเครื่องมือแพทย์ ซึ่งไทยจะมีความโดดเด่นมากขึ้น… ล่าสุดนักลงทุนญี่ปุ่นได้เข้าพบและระบุสนใจจะเข้ามาลงทุนด้านเกษตรแปรรูปในไทยมากขึ้น
รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจให้ความเห็นว่า… COVID-19 ทำให้เศรษฐกิจโลกไม่ดี เราคงต้องกลับมามองศักยภาพของเราเองและใช้จุดแข็งให้ได้ อย่างอังกฤษเองมีฐานการผลิตที่ต่อมาถดถอยก็ปรับไปสู่ศูนย์กลางการลงทุนด้านการบริหาร การเงิน การศึกษาในยุโรปได้… ไทยเองก็น่าจะมองลักษณะนี้เช่นกัน คือ เราไม่ได้ทิ้งของเก่าแต่อะไรที่เห็นว่าเป็นจุดแข็งต้องทำ…
ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้มอบให้บีโอไอไปศึกษาการส่งเสริมการลงทุน และตั้งเป้าหมายใน 5 ปีให้มีผู้ประกอบการไทย “กลุ่มสตาร์ทอัพ” ยกระดับไปสู่ธุรกิจที่มีรายได้มากกว่าระดับ 1,000 ล้านบาท โดยให้เน้นอุตสาหกรรมอาหารและเกษตรแปรรูป พร้อมกันนี้ ในส่วนการผลักดันภาคการเกษตร จะต้องเดินตามนโยบาย Local Economy ให้สิทธิประโยชน์ในกลุ่มสมาร์ทฟาร์มเมอร์ และสามารถเชื่อมกับเกษตรรายย่อยและการท่องเที่ยวไปด้วย
ด้านคุณดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการบีโอไอ ก็ยืนยันว่า… บีโอไอยังคงยึดนโยบายหลักคือ การดึงลงทุนจากต่างประเทศ หรือ Foreign Direct Investment หรือ FDI โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเป้าหมาย และจะเพิ่มนโยบายการผลักดันไทยสู่ศูนย์กลาง CLMVT โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูปที่จะมีการปรับปรุงเพิ่มประเภทกิจการ เช่น Plant Factory และเงื่อนไขส่งเสริมด้านสิทธิประโยชน์บางกิจการเพิ่มเติมซึ่งขณะนี้นักลงทุนโดยเฉพาะญี่ปุ่นสนใจเข้ามามาก รวมถึงการปรับปรุงการส่งเสริมอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ ซึ่งจะเสนอเข้าสู่บอร์ดบีโอไอวันที่ 17 มิถุนายนนี้