เพจอ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์ ของ รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์จากคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ออกมาส่งเสียงเตือนสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ในเช้าวันอาทิตย์ ที่ 25 ตุลาคม ปี พ.ศ. 2563 ว่า…
สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ในเช้าวันอาทิตย์อย่างนี้ครับ จะเห็นว่าเยอะขึ้นตามคาดนะ ก็เชื่อว่า ถ้าไม่มีฝนหรือกระแสลมแรงมาช่วย ฝุ่นก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ (ถ้าดูใน app AirVisual จากที่เข้าสู่สีเหลือง ก็จะเป็นสีส้มและสีแดงในที่สุด)
ดังนั้น ถ้าใครยังไม่มีแอพพลิเคชั่นพวกนี้ (Air visual ด้านขวา และ Air4Thai ด้านซ้าย) ก็ควรจะติดตั้งในเครื่องไว้นะครับ จะได้สามารถตรวจสอบแบบ real time ได้ว่าขณะนี้ฝุ่นเยอะแค่ไหน ควรใส่หน้ากากN95หรือยัง
อ่อ.. ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการตรวจสอบฝุ่นคือหลัง 9 โมงไปแล้ว ที่พระอาทิตย์ขึ้นสูง แล้วจะได้ไม่มีหมอกไอน้ำ มาทำให้เครื่องเพี้ยน วัดค่าได้สูงเกินจริงนะครับ
ข้อความจาก เพจอ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์

ก่อนหน้านั้น… อาจารย์เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ ยังได้สรุปเป็นข้อเสนอแนะถึงผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ประเด็นการรับมือวิกฤติฝุ่น PM 2.5 ในช่วงปลายปี พ.ศ. 2562 ไว้ตั้งแต่ช่วงวันที่ 14 ตุลาคม ปีที่แล้ว…พ.ศ. 2562 ผ่านเพจอ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์ มาแล้วเช่นกัน… มาย้อนเวลาไปดูคำแนะนำของอาจารย์กันหน่อยครับ…
1. ใช้สื่อประชาสัมพันธ์ต่างๆ ของ กทม. ในการให้ความรู้แก่ประชาชนถึงอันตรายจากฝุ่น PM2.5 แต่เนิ่นๆ โดยเฉพาะกับเด็กนักเรียนในโรงเรียนของ กทม. เพื่อให้เด็กๆ และครอบครัวได้เตรียมตัวรับมือ
2. จัดเตรียมหน้ากากสำหรับกันฝุ่น แจกให้กับประชาชนที่มาติดต่อตามหน่วยงานของ กทม. รวมทั้งให้เจ้าหน้าที่ของ กทม. ใส่หน้ากากด้วย โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่กวาดขยะ ที่ต้องทำงานริมถนนทุกวัน
3. ปรับเปลี่ยนเวลาทำงานของหน่วยงานต่างๆ ของ กทม. ให้เหลื่อมเวลากัน เช่น หน่วยงานที่เป็นหน่วยบริการประชาชน อาจจะเปิด 8 โมงเช้า แต่โรงเรียนในสังกัด กทม. อาจจะเลื่อนไปเป็นเข้าเรียนตอน 9 โมงแทน จะได้ลดความแออัดคับคั่งบนท้องถนนของรถยนต์
4. การฉีดพ่นน้ำขึ้นฟ้านั้น ไม่อาจช่วยลดฝุ่น PM2.5 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะมีขนาดของละอองน้ำที่ใหญ่เกินไป และฉีดได้ไม่ทั่วถึง สิ่งที่ควรทำมากกว่า คือ การฉีดน้ำล้างถนนทุกวัน ในเส้นที่มีการคมนาคมหนาแน่น เพื่อล้างฝุ่นออกไปจากพื้นถนน ก่อนที่จะลอยขึ้นฟ้าเมื่อถูกความร้อนเผา
5. ควบคุมการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายต่างๆ ให้มีการปิดให้มิดชิดมากขึ้น ไม่ให้ฝุ่นละอองออกมาโดยง่าย และเร่งระบายรถในบริเวณดังกล่าว ไม่ให้การจราจรติดขัด
6. เอาจริงเอาจังกับการใช้ยานพาหนะพลังงานไฟฟ้า โดย กทม. ลงทุนปรับเปลี่ยนรถยนต์ รถบรรทุก รถขนส่ง มอเตอร์ไซค์ ในสังกัดของ กทม. ไปเป็นระบบอีวี ทั้งหมด และติดตั้งสถานีชาร์จไฟตามหน่วยงานต่างๆ
7. จัดทำรถขนส่งสาธารณะของ กทม. แบบชั่วคราว มาเสริมกับของ ขสมก. ในช่วงนี้ ให้วิ่งในเส้นทางที่ทับซ้อนกับของ ขสมก. น้อย และไปให้ทั่วถึงกรุงเทพฯ ให้มากที่สุด โดยให้ประชาชนขึ้นได้ฟรีหรือในราคาถูกเป็นเวลาชั่วคราว
8. มาตรการระยะยาว ที่อาจส่งผลกระทบสูงต่อประชาชน ได้แก่ การจำกัดจำนวนของรถบรรทุกรถขนส่งเข้ามาในกรุงเทพฯ การปรับระบบไฟจราจรให้การเคลื่อนตัวของรถรวดเร็วมากขึ้น การขึ้นภาษีรถยนต์ที่จดทะเบียนกรุงเทพมหานคร เก็บค่าผ่านทางเมื่อเข้าสู่กรุงเทพฯชั้นไหน ฯลฯ