Andrew Carnegie เป็นมหาเศรษฐีชาวอเมริกันที่บั้นปลายชีวิตได้บริจาคทรัพย์สินมากมายเพื่อสาธารณะประโยชน์หลากหลาย ตั้งแต่ห้องสมุด โรงเรียนและมหาวิทยาลัยจำนวนมากในสหรัฐอเมริกา อังกฤษ แคนาดาและอีกหลายประเทศ
Andrew Carnegie ถูกจัดให้เป็นบุคคลร่ำรวยที่สุดในประวัติศาสตร์อันดับสอง รองจาก John D. Rockefeller… ช่วงบั้นปลายชีวิต มูลค่าทรัพย์สินรวมของ Andrew Carnegie อยู่ที่ 475 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่เมื่อเขาเสียชีวิตมูลค่าทรัพย์สินส่วนตัวได้ลดลงเหลือเพียง 30 ล้านดอลล่าร์สหรัฐเท่านั้น จากการบริจาคเงิน



แต่ในการประเมินมูลค่าแท้จริง เมื่อปรับกับเงินเฟ้อเมื่อปลายคริสต์ทศวรรษ 2000 แล้วจะมีมูลค่าระหว่าง 75,000-297,800 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ
Andrew Carnegie เกิดวันที่ 25 พฤศจิกายน ปี 1835 เป็นชาว Scotland ที่อพยพมาสหรัฐอเมริกากับครอบครัวตั้งแต่เด็ก เริ่มชีวิตการทำงานด้วยอาชีพกรรมกรในโรงงานหลอดด้าย จนได้เลื่อนตำแหน่งมาเป็น Bill Logger หรือเสมียนจดรายการ ก่อนจะกลายเป็นเด็กส่งของก่อนจะย้ายไปทำงานในบริษัทโทรเลข
ช่วงปี 1860 Andrew Carnegie ได้ลงทุนกับการสร้างทางรถไฟ รวมทั้งรถนอนในขบวนรถไฟ ก่อสร้างสะพานและบ่อน้ำมัน เขาร่ำรวยขึ้นมาจากการเป็นตัวแทนขายพันธบัตรระดมเงินทุนให้แก่วิสาหกิจอเมริกาในยุคนั้น… และก่อตั้ง Carnegie Steel Company ซึ่งเป็นกิจการที่เกี่ยวกับเหมืองและการถลุงเหล็กในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่สองหรือยุคเหล็กนั่นเอง
Andrew Carnegie มีคำคมที่เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่เล่าต่อๆ กันมาอยู่หนึ่งประโยคที่ทั้งคมและชัดเจนที่บอกว่า… Ninety Percent of All Millionaires Become So Through Owning Real Estate. เก้าสิบเปอร์เซ็นต์ของเหล่าคหบดีมหาเศรษฐีล้วนมาจากอสังหาริมทรัพย์
Andrew Carnegie เสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม ปี 1919 ถือเป็นผู้นำแห่งยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมเหล็กกล้าทั้งในอเมริกาและของโลกก็ว่าได้
Carnegie Steel Company ก่อตั้งช่วงปี 1870 ซึ่งทำให้เขาได้รับการจารึกชื่อว่าเป็น กัปตันแห่งอุตสาหกรรม… ปี 1902 Andrew Carnegie จึงขาย Carnegie Steel ให้แก่ J.P. Morgan เป็นเงิน 480 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ และก่อตั้ง U.S. Steel ขึ้นใหม่ ก่อนจะหันไปทำการกุศลจนชื่อของเขายังเป็นที่จดจำ
อ้างอิง