หญ้าเนเปีย… ความมั่นคงทางพลังงานแห่งความหวัง

อย่างที่เราท่านทราบดีอยู่แล้วว่า ภาคเกษตรของไทยจากมิติสัดส่วนประชากรถือว่ามีมากที่สุดมายาวนาน และยังคงสำคัญต่อโครงสร้างทางสังคมและความเป็นชาติมาตลอด

ในขณะที่… อาชีพเกษตรกรในวันที่ความรู้และข้อมูลไหลถึงพี่น้องเกษตรกรผ่านช่องทางดิจิตอลทุกรูปแบบ… ความสำเร็จ ความล้มเหลวมีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ไม่ด้อยไปกว่า Sectors อื่นๆ อย่างภาคธุรกิจ ภาคการเงินการลงทุนหรือแม้แต่เทคโนโลยี

พูดถึงเทคโนโลยี… ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีในภาคการเกษตร… ข้อมูลในมือผมตอนนี้ถือว่าล้ำหน้าและท้าทายเหลือเกิน… และคงทยอยเล่าครับเพราะมีเยอะจริงๆ

วันนี้ก็เลยคัดเอาพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ที่กำลังมีการพูดถึงอย่างกว้างขวางในปัจจุบัน ที่ข่าวว่าทั้งชาวไร่และรัฐมนตรีต่างก็สนใจพืชแห่งความหวัง(อีกแล้ว) ตัวนี้กันคึกคัก…

มันคือ… หญ้าเนเปียร์ครับ

หลายปีก่อนหน้า… หญ้าเนเปียร์มีปลูกกันแถวปากช่องเพื่อเลี้ยงสัตว์ที่ส่วนใหญ่ก็มีทั้งวัวเนื้อและวัวนม แต่ล่าสุด… หญ้าเนเปียร์กลายเป็นพืชพลังงานในยุทธศาสตร์ชาติเรื่องความมั่นคงทางพลังงานไฟฟ้าไปแล้ว

ประเด็นก็คือ… ประเทศไทยต้องซื้อพลังงานไฟฟ้าจากเพื่อนบ้านอย่างลาวและซื้อก๊าซธรรมชาติเพื่อผลิตไฟฟ้าจากพม่า… และโรงไฟฟ้าใหม่ๆ จะเชื้อเพลิงแบบไหนก็สร้างใหม่ไม่ได้เลยในบ้านเมืองนี้… เขื่อนที่ใหญ่พอสำหรับผลิตไฟฟ้าได้จริงจังยิ่งไม่ต้องพูดถึง… ในขณะที่พลังงานไฟฟ้ากลับสำคัญและมีความต้องการมากขึ้นอย่างชัดเจนในปัจจุบันและอนาคต

แผนพลังงานของชาติเรื่องโรงไฟฟ้าชุมชนก็ไม่ได้ง่ายเหมือนโครงการประปาชุมชนหรือถนนลาดยาง… หรือแม้กระทั่งโครงการโซล่าฟาร์ม หรือโซล่ารูฟท็อป ก็มีเรื่องเหลือเชื่อมากมายเกิดขึ้น จนโครงการโซล่าฟาร์มที่นักลงทุนเตรียมเงินทุนและเทคโนโลยีไว้ ต้องหอบของหนีไปลงเวียดนามลาวกันหมด… ผมบ่นเรื่องนี้ได้ทั้งวันครับ

กลับมาที่หญ้าเนเปียร์… พืชที่หมักกับมูลสัตว์จะได้ก๊าชชีวภาพที่มีองค์ประกอบของมีเทนปริมาณสูง จากการย่อยสลายของสารอินทรีย์ภายใต้สภาวะที่ปราศจากออกซิเจนที่เรียกว่า Anaerobic Digestion… และเอาก๊าซชีวภาพที่ได้ไปปั่นไฟฟ้าใช้ในชุมชน เพื่อสร้างระบบนิเวศน์ชุมชนยั่งยืน และเติมเต็มนโยบายพลังงานของชาติทีเดียว… หรือจะตากแห้งบดอัดเป็นเชื้อเพลิงในเตาเผาในระบบ Biomass Fuel Combustion ก็ยังไหว

วัฏจักรที่ค่อนข้างสมบูรณ์แบบและสร้างสมดุลได้ง่ายตั้งแต่ปลูกหญ้าเนเปียร์… บางส่วนเลี้ยงสัตว์ ได้ทั้งสัตว์และมูลสัตว์… เอามูลสัตว์กับหญ้าอีกส่วนมาหมักเอาก๊าซชีวภาพไปปั่นไฟ… กากจากบ่อหมักก็สามารถนำกลับมาทำปุ๋ยปลูกหญ้าเนเปียร์ได้เหมือนเดิม…

โรงไฟฟ้าหญ้าเนเปียร์ 500 kW จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

แผนปัดฝุ่นหญ้าเนเปียร์ผลิตไฟฟ้า เป็นการปรับปรุงแผน PDP หรือ Power Development Plan ที่อยู่ในแผนแม่บทของชาติด้านพลังงาน โดยมุ่งเน้นไปที่การปรับปรุงแผนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนขึ้นมาใหม่ เพื่อให้สอดรับนโยบายส่งเสริมโรงไฟฟ้าชุมชน โดยจะปรับลดการส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าโครงการโซลาร์ภาคประชาชน ที่ในแผนระบุไว้ 10000 MW ภายในปี 2580…  ลงมาเหลือในเบื้องต้นราว 8,500 MW เพื่อนำสัดส่วนที่ลดลงมาดังกล่าว ไปส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าก๊าซชีวมวล จากหญ้าเนเปียร์ 1,500 เมกะวัตต์เมื่อสิ้นแผนปี 2580 และอาจจะมีการปรับสัดส่วนของพลังงานหมุนเวียนบางประเภทด้วย 

ล่าสุดรัฐมนตรีกระทรวงพลังงาน คุณสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ได้ออกมาประกาศแผนเร่งด่วนระยะ 3 เดือน ที่มีการปรับแผนจัดหาพลังงานไฟฟ้าในอนาคต โดยหญ้าเนเปียร์เป็นส่วนหนึ่งของแผนพลังงานในอนาคต อย่างน้อยก็เร่งด่วนขนาด 1500 MW ไปแล้ว… รายละเอียดข่าวผมใส่อ้างอิงไว้ท้ายบทเช่นเดิมครับ

แปลว่า… ถ้าท่านมีที่ดินแปลงใหญ่พออย่างเช่น เดิมปลูกอ้อยตัดส่งโรงน้ำตาลอยู่ก่อน แล้วบิดโมเดลมาเลี้ยงวัวปลูกหญ้าและทำไฟฟ้าขายเข้า “โครงการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน”… โมเดลรายได้เห็นชัดๆ ว่ามีมา 2 ทางจากสัตว์เลี้ยงและโรงไฟฟ้าเห็นๆ… ท่านที่สนใจออกแรงหน่อยน๊ะครับ หาข้อมูลเพิ่มเติม… ผมก็กำลังหาข้อมูลเรื่องนี้เหมือนกัน ถ้ามีรายละเอียดเพิ่มเติมน่าสนใจ ก็จะเอามาเล่าใหม่ครับ


อ้างอิง

Share this post

Add Properea's Friend

เพิ่ม Properea.com เป็นเพื่อนทาง Line
ท่านจะได้ Link บทความใหม่ส่งตรงให้อย่างสม่ำเสมอโดยรบกวนแต่น้อย

Related Post

Simon Sinek

A Team Is Not A Group Of People That Work Together. A Team Is A Group Of People That Trust Each Other – Simon Sinek

การทำงานกับทีมและการทำงานเป็นทีมมีรายละเอียดที่ “ทีม” จำเป็นต้องเข้าใจบทบาทหน้าที่ ทั้งของตัวเองและของสมาชิกทีมคนอื่นๆ เพื่อทำภาระกิจร่วมกัน เหมือนทีมกีฬาที่สมาชิกทีมทุกคนล้วนต้องร่วมกันรับผิดชอบเป้าหมายของทีมโดยการเอาชนะคู่แข่ง และ ทุกคนในทีมก็จะทำหน้าที่ของตัวเองเพื่อสนับสนุนภาระกิจหลักของทีมจนบรรลุเป้าหมาย

ปรากฏการณ์… ขายโรงแรม รีสอร์ท โฮสเทล ทั่วเชียงใหม่!!!

มีข่าวเล็กเกิดขึ้นในเชียงใหม่ ที่คนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในเชียงใหม่พูดคุยกันมากในช่วงนี้คือ… การประกาศขายกิจการโรงแรม รีสอร์ท และโฮสเทล ทั่วเชียงใหม่มากมายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน…

Ethereum 2.0

ETH 2.0 และ Proof-of-Steke… ในมิติของการลงทุน

การลงทุนด้วยการก่อตั้งหรือเข้าร่วม PoS Pool หรือ Proof of Stake Pool หรือการรวมกลุ่มหรือลงทุนเป็นแม่ข่ายทำหน้าที่ผู้ตรวจสอบ หรือ Validator Pool ให้ธุรกรรมบนเครือข่าย Ethereum 2.0 ขึ้นไป ก็เหมือนการลงทุนก่อตั้ง Pool เพื่อขุดบิทคอยน์ ที่เกิดขึ้นเงียบๆ ในช่วงที่บิทคอยน์เกิดขึ้นใหม่ๆ ระหว่างปี 2009–2013 จนกลายเป็นธุรกิจใหญ่โตและสร้างเศรษฐีใหม่ในหลายประเทศ

BTC Dominance

สถาพทั่วไปของเงินลงทุนในตลาดทุนใดๆ ก็มักจะมี “ปริมาณ หรือ มูลค่ารวม” ที่รวบรวมได้ไม่ยากจากการเอาตัวเลขมูลค่าทางการตลาด หรือ Market Capital ของสินทรัพย์ และหรือ หลักทรัพย์ทุกตัวในตลาดเดียวกันมาบวกกันเท่านั้นเอง… และ ธรรมชาติในสภาพทั่วไปของเงินลงทุนในตลาดทุนใดๆ ก็มักจะไหลไป–ไหลมาระหว่างหลักทรัพย์ หรือ สินทรัพย์ในตลาดเดียวกัน และหรือ ระบบนิเวศเดียวกันเสมอ… ในตลาดคริปโตที่มีสินทรัพย์ลงทุนเป็น Bitcoin และ Altcoin ทั้งหมดก็มีสภาพโดยธรรมชาติของการไหลไป–ไหลมาระหว่าง Bitcoin และ Altcoin เช่นกัน… นักลงทุนและนักวิเคราะห์หลักทรัพย์จึงได้พัฒนาดัชนี BTC Dominance หรือ Market Cap BTC Dominance ขึ้นใช้เพื่อติดตามว่าเงินทุนในตลาดคริปโตกำลังถูกโยกย้ายไป Bitcoin และ Altcoin มากกว่ากัน… ถ้าเปอร์เซนต์สัดส่วนฝั่ง Bitcoin เพิ่มขึ้นก็หมายถึงราคาบิตคอยน์กำลังขึ้น และ ราคา Altcoin บางตัวน่าจะกำลังถูกขายโดยนักลงทุนเพื่อเอาเงินกลับเข้มมาที่กระดานบิตคอยน์แทน