ในตลาดสินทรัพย์ลงทุนทั้งหุ้น น้ำมัน คริปโต สินแร่และสินค้าโภคภัณฑ์มากมาย ที่มีการถ่ายเทเงินลงทุนจากนักลงทุนไปให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจ โดยนักลงทุนเองยังสามารถสร้างสมดุลให้พอร์ตลงทุนได้ ด้วยการซื้อขายสินทรัพย์ลงทุนระหว่างกัน จนกลายเป็นชีพจรหนึ่งในระบบเศรษฐกิจ
คำถามสำคัญของการลงทุนในตลาดซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ลงทุนคือ… ปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้ราคาสินทรัพย์ลงทุนเหล่านั้นมีการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงขึ้นลง ซึ่งนักลงทุนทุกคนคงตอบเหมือนกันหมดว่า… Demand และ Supply ซึ่งสามารถติดตามได้ไม่ยากเพียงตามดู “กระแสเงิน หรือ Money Flow” ทั้งของฝั่ง Demand และ ของฝั่ง Supply เท่านั้นเอง
Gene Quong และ Avrum Soudack จึงนำ Relative Strength Index หรือ RSI ซึ่งเป็นเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคยอดนิยมที่นักลงทุนทั่วโลกใช้ตรวจสอบภาวะ Demand/Supply หรือ ตรวจสอบแรงซื้อ/แรงขายนั่นเอง มาเติมข้อมูลปริมาณการซื้อขาย หรือ Volume มาใส่ในสูตรดัชนีของพวกเขาจนกลายเป็น Volume Weighted RSI ซึ่งสะท้อนกระแสเงิน หรือ Money Flow ได้แม่นยำขึ้นจนเปลี่ยนชื่อเรียกใหม่ว่า Money Flow Index
Money Flow Index จึงเป็นเครื่องมือตรวจสอบแรงซื้อ/แรงขาย “เพื่อหาจุดกลับตัวของราคา” สินทรัพย์ลงทุนได้อย่างน่าสนใจอีกตัวหนึ่ง และมีนักลงทุนไม่น้อยที่นิยมใช้ดัชนี MFI หรือ Money Flow Index ในการติดตามภาวะตลาด
การใช้ดัชนี MFI หรือ Money Flow Index จะอ่านค่าไม่ต่างจากการอ่านค่าดัชนี RSI ซึ่งใช้พิจารณาภาวะ Overbought หรือ ซื้อมากเกินไป และ ภาวะ Oversold หรือ ขายมากเกินไป… โดยค่าดัชนี “ต่ำกว่า 20 หมายถึง Oversold” และดัชนี “สูงกว่า 80 หมายถึง Overbought”
แต่การใช้งานในทางเทคนิค… นักวิเคราะห์จะไม่ใช้ดัชนี MFI เพียงดูแค่ต่ำกว่า 20 หรือสูงกว่า 80 เท่านั้น เพราะไม่ว่าจะอย่างไรก็จำเป็นต้องตรวจสอบกับ Volume หรือ ปริมาณการซื้อขาย และ ดัชนีราคา หรือ Index ในช่วงเวลาเดียวกันด้วยว่า… เป็นแนวโน้มเดียวกันหรือขัดแย้งกัน หรือ ที่นักวิเคราะห์เรียกว่า Convergence/Divergence กันหรือไม่นั่นเอง… ซึ่งนักลงทุนจะมองหา Divergence หรือ แนวโน้มขัดแย้งกันของดัชนีราคา กับ ปริมาณการซื้อขาย และ ดัชนีที่ใช้ติดตาม Demand/Supply ที่ใช้อยู่เสมอ
Money Flow Index บนโปรแกรม Metatrader 5
References…