พื้นฐาน Mining… Staking… Farming and Liquidity Mining

Bitcoin Mning

กระแสคริปโตในบ้านเราร้อนแรงถึงขั้นแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตรายใหญ่ในประเทศอย่าง Bitkub ประกาศว่ามีสมาชิกเปิดบัญชีครบสองล้านบัญชีไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา… ส่วนข้อความทางไลน์ของ Properea และ ไลน์ส่วนตัวของผม หลายท่านถามหาวิธีลงทุนคริปโตแบบปลอดภัยแต่กำไรเยอะเข้ามาพอสมควร ซึ่งทุกท่านก็ทราบดีเหมือนกันหมดว่า คริปโตนั้นมีความเสี่ยงเรื่องราคาผันผวน กับ ความเสี่ยงจากความน่าเชื่อถือในทุกๆ มิติ โดยเฉพาะการเกิดและมีอยู่แบบนอกกฏหมายของทุกประเทศในโลกใบนี้

ความจริง… การลงทุนคริปโตที่คนรู้จักกันมากที่สุดจะเป็นการลงทุนในตลาดรอง หรือ กระดานเทรด ซึ่งไม่มีที่ว่างให้มือสมัครเล่น คนทุนน้อย และ คนมีความมุ่งมั่นไม่มากผู้เข้ามาเพราะอยากรู้อยากเห็นเท่านั้น… หลายท่านที่ได้สัมผัสแล้วชีวิตร้อนรนเคร่งเครียดโดยใช่เหตุจึงเลิกลาหนีหาย เหลือแต่มืออาชีพ และ คนมุ่งมั่นเรียนรู้จริงจัง และ ตั้งใจเท่านั้น… 

แต่คำถามที่ว่า… การลงทุนในคริปโตแบบปลอดภัยกำไรเยอะพอมีมั๊ย? คำตอบคือไม่มีอยู่แล้วครับ แต่ถ้าเป็นการลงทุนกับคริปโตโดยบิดมาเป็นธุรกิจแทนที่จะเป็นการเก็งกำไร… ก็พอมีแนะนำอยู่ ซึ่งก็ไม่ได้มีกำไรทางตรงเยอะแยะอะไรในทางเทคนิค แต่ก็ไม่ได้หมายถึงความเสี่ยงเป็นศูนย์หรอกครับ แต่ก็ลดระดับความเสี่ยงมาอยู่ในขั้นทำธุรกิจ ซึ่งน้อยกว่าการเก็งกำไรล้วนๆ มาก… แปลว่า ยังไงๆ ก็มีโอกาสกำไรมาก กำไรน้อย หรือ ขาดทุนได้เหมือนกัน… ซึ่งผมกำลังพูดถึง Mining และ Staking อยู่ครับ

Mining หรือ การขุดคริปโต หรือ การขุดบิทคอยน์ หรือ การตั้งคอมพิวเตอร์เข้าร่วมประมวลผลธุรกรรมแบบ PoW หรือ Proof-of-Work ซึ่งจะได้ค่าตอบแทนการประมวลผลจำนวนหนึ่ง… การลงทุนสาย Mining จะเป็นการซื้ออุปกรณ์คอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะ GPU หรือ Graphic Processing Unit กำลังแรง หรือ ซื้อ Mining Rig โดยตรงมาติดตั้งและเปิดเครื่องทำงาน ซึ่งจะมีค่ากระแสไฟฟ้าให้ต้องจ่ายเป็นประจำอีกด้วย… ธุรกิจขุดคริปโตทำเงินให้นักลงทุนไม่น้อย โดยเฉพาะการขุดบิทคอยน์ตลอดหลายปีที่ผ่านมา จึงมีนักลงทุนทั้งรายย่อย และ รายใหญ่ทั่วโลกลงทุนกับเหมืองบิทคอยน์ไม่เคยขาดหาย แม้ในปัจจุบันจะผิดกฏหมายของหลายประเทศก็ตาม

ประเด็นการขุดคริปโต และ การขุดบิทคอยน์ให้มีกำไรนั้น… โดยทั่วไปถ้าขุดได้ค่าตอบแทนก็ขายเลยทันทีนั้น คนเหมืองคริปโตมักจะขาดทุนกันเป็นส่วนใหญ่ แม้จะเป็นช่วงที่ราคาคริปโตกำลังพุ่งขึ้น และ ขายได้แพงขึ้นก็ตาม… คนเหมืองคริปโต หรือ เจ้าของ Rig ที่อยู่ได้มีกำไรจึงมักจะถือเหรียญที่ขุดได้ไว้รอราคา หรือ นำไปเทรดทำรอบกำไรในตลาดแบบนักเทรดร่วมด้วย… โดยจะไม่ “ขุดคริปโตแบบลูกจ้างรายวัน” ซึ่งผลตอบแทนจะเป็นแบบลูกจ้างรายวันจนหากำไรได้ยากนั่นเอง

การลงทุนทำเหมืองขุด หรือ Mining จึงเป็นการทำธุรกิจคริปโตระดับโครงสร้างพื้นฐาน แม้จะมีความเสี่ยงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนอยู่เช่นกัน แต่ก็ชัดเจนว่าจะมีเหรียญเพิ่มเข้ากระเป๋าเรื่อยๆ ตราบเท่าที่ยังเปิดเครื่องทำงานอยู่…

การลงทุนแบบมีเหรียญเพิ่มขึ้นในกระเป๋าเรื่อยๆ และเป็นการลงทุนระดับโครงสร้างพื้นฐานอีกแบบหนึ่งก็คือ Staking หรือ การวางเหรียญตรวจสอบธุรกรรมบล็อกเชนแบบ Proof-of-Stake… ซึ่งต่างจากการลงทุนกับเครื่องขุด หรือ Mining เพียงแค่ไม่จำเป็นต้องซื้อเครื่องขุดมากๆ จึงจะได้ค่าตอบแทนเยอะๆ โดยเปลี่ยนมาเป็นการฝากเหรียญ หรือ Stake เหรียญตามข้อกำหนดผ่าน Pool หรือ ตั้ง Pool เองก็ได้ถ้าสามารถลงทุนได้ตามเกณฑ์ที่ Blockchain กำหนด… ก็จะได้ผลตอบแทนตามข้อตกลงสม่ำเสมอ

เหมืองบิทคอยน์แห่งหนึ่งนอกเมือง Reykjavík, Iceland.

ประเด็นสำคัญมีอยู่ว่า… Stake และ Staking ไม่ได้มีใช้เรียกรูปแบบการลงทุนคริปโตแต่เฉพาะการวางเหรียญเพื่อตรวจสอบธุรกรรมแบบ Proof-of-Stake ให้บล็อกเชนเท่านั้น… เพราะในปัจจุบันยังใช้เรียกการฝากเหรียญ หรือ ล็อคเหรียญ กับ DeFi Platform ซึ่งเป็น Farming หรือ Yield Farming และ Liquidity Mining อันเป็นผลิตภัณฑ์ทางการลงทุนคล้ายกับการซื้อกองทุนมากกว่า… สิ่งที่ต้องระมัดระวังคือ ความเสี่ยงระหว่างลงทุนกับผลิตภัณฑ์ DeFi กับความเสี่ยงจากการลงทุนกับ Blockchain Staking นั้นต่างกันมากพอสมควร ซึ่งถ้าเปรียบเทียบสังเกตุเฉพาะการประกาศผลตอบแทนของ Yield Farming และ Liquidity Mining ก็จะเห็นการเสนอผลตอบแทน และหรือ ดอกเบี้ยสูงกว่าการ Staking ธรรมดาหลายเท่า ซึ่งส่วนใหญ่ให้ตัวเลข 2 หลักเป็นค่าตอบแทนกันหมด แต่ก็เสี่ยงถึงขั้นเหรียญโทเคนจาก Liquidity Mining อาจมีค่าเป็นศูนย์ หรือ เลวร้ายถึงขั้นถูกโกงและยักยอกเอาดื้อๆ ได้เลยโดยไม่สามารถเรียกร้องเอาอะไรจากใครได้… ในขณะที่ Blockchain Staking มักจะเสนอค่าตอบแทนเป็นเลขหลักเดียว มากหน่อยก็ 5-8% เท่านั้นเอง แต่ตราบเท่าที่ Blockchain ยังมีธุรกรรมต่อเนื่องแน่นหนาอยู่… ผลตอบแทนจาก Blockchain Staking มักจะจ่ายตอบแทนตามรอบ Epoch หรือ Unix Epoch Time ที่กำหนดไว้บน Whitepaper เวอร์ชั่นล่าสุดเสมอ

ส่วนรายละเอียดทางเทคนิคตั้งแต่ซื้อ Rig ตั้งเหมืองไปจนถึงติดตั้ง Wallet หรือ เช่า Cloud Server เพื่อตั้ง Blockchain Stake Pool กับเจ้าไหน เหรียญอะไร ดียังไง และ ทำยังไงผมขอข้ามไปน๊ะครับ… ท่านที่สนใจจริงคงไม่ยากที่จะหาข้อมูล หรือ ขาดเหลืออื่นใดถ้าเชื่อว่าผมช่วยอะไรได้… Line ID: dr.thum ครับ!

Share this post

Add Properea's Friend

เพิ่ม Properea.com เป็นเพื่อนทาง Line
ท่านจะได้ Link บทความใหม่ส่งตรงให้อย่างสม่ำเสมอโดยรบกวนแต่น้อย

Related Post

Longevity Food Packaging… บรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหาร

เทคโนโลยี Modified Atmosphere Packaging หรือ MAP เป็นเทคนิคการถนอมอาหาร หรือ Food Preservation เพื่อยืดอายุการเก็บรักษาอาหารสด ชะลอการเน่าเสีย ด้วยเทคนิคการลดปริมาณออกซิเจนลง และ เติมคาร์บอนไดออกไซด์ และไนโตรเจนเข้าไปแทนที่อากาศภายในบรรจุภัณฑ์ ตามสัดส่วนที่เหมาะสมกับอาหารแต่ละชนิด… ซึ่งนวัตกรรม MAP จะเหมาะกับอาหารทั้ง เบเกอรี่ เค้ก คุกกี้ ขนมหวาน ผลไม้แห้ง อาหารแปรรูป และอาหารปรุงสำเร็จ

Amory Lovins

We Are Practitioners, Not Theorists. We Do Solutions, Not Problems. We Do Transformation, Not Incrementalism – Amory Lovins

สถาบัน RMI ก่อตั้งโดย Amory Bloch Lovins นักฟิสิกส์และนักเขียนชาวอเมริกัน ผู้คว่ำหวอดอยู่ใน National Petroleum Council หรือ สภาปิโตรเลียมแห่งชาติของสหรัฐอเมริกามานานกว่า 40 ปี โดย Amory Lovins เป็นเหมือนฝ่ายค้านในสภาปิโตรเลียมแห่งชาติของสหรัฐ ที่คอยล๊อบบี้ผลักดันแนวคิดพลังงานสีเขียว กดดันนโยบายปิโตรเลียมและเชื้อเพลิงฟอสซิลอื่นๆ จนได้รับรางวัล Right Livelihood Award จากประเทศสวีเดน สาขา Pioneering Soft Energy Paths For Global Security หรือสาขาริเริ่มพลังงานสะอาดเพื่อความยั่งยืน…

Enjin Coin

Enjin Coin…

แพลตฟอร์ม Enjin เป็น Blockchain Platform As A Service หรือ Blockchain–PAAS ของ Enjin Network ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มระบบนิเวศเพื่อการพัฒนาและให้บริการเกม ซึ่งนักพัฒนาเกมสามารถสร้างสินทรัพย์ดิจิทัลในเกมได้ด้วยการใช้ Enjin Coin เป็นหลักทรัพย์ในการพัฒนาเกมของตัวเองให้สามารถหารายได้จากชุมชน Enjin Network ซึ่งมีสถิติการผู้ใช้งานกว่า 20 ล้านบัญชีทั่วโลกมากว่าทศวรรษ

อัตราเงินเฟ้อเดือนมกราคม 2023 จากกระทรวงพาณิชย์

6 กุมภาพันธ์ 2023… คุณวิชานัน นิวาตจินดา รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า หรือ สนค. ได้เปิดเผยข้อมูล “ดัชนีราคาผู้บริโภค หรือ เงินเฟ้อทั่วไป” เดือนมกราคม พ.ศ. 2566 เท่ากับ 108.18… เทียบกับเดือนธันวาคม พ.ศ. 2565 เพิ่มขึ้น 0.30%…  เทียบกับเดือนมกราคม พ.ศ. 2565 เพิ่มขึ้น 5.02%… ชะลอตัวลงจากเดือนธันวาคม พ.ศ. 2565 ที่สูงขึ้น 5.89% และ อยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 9 เดือน ตามการชะลอตัวของราคาสินค้าในกลุ่มพลังงาน และ อาหาร ขณะที่ความต้องการบริโภคในประเทศปรับตัวดีขึ้นจากภาคการท่องเที่ยว เทศกาลปีใหม่ และ ตรุษจีน ส่งผลให้การใช้จ่ายคึกคักกว่าปีที่ผ่านมา