การเกิดวิกฤตสะเทือนโลกจากกรณีแพร่ระบาดของโคโรน่าไวรัสตั้งแต่ต้นปีมานี้… ส่วนสำคัญอย่างหนึ่งที่ธุรกิจมากมายต้องปรับตัวโดยปริยายคือ ยกระดับไปใช้เทคโนโลยีในการประกอบการและดำเนินธุรกิจทั้งหมด ไม่มียกเว้นให้ใครหรือข้ออ้างใดทั้งสิ้น… จนมีมุขเรื่องบุคคลสำคัญในการนำธุรกิจยกระดับไปใช้เทคโนโลยีดิจิตอล หรือช่วยทำ Digital Transformation คนสำคัญชื่อคุณโควิด หนึ่งเก้า… ที่ผมคิดว่าผ่านไปซักพักมุขนี้คงฮาไปอีกนาน
สิ่งที่เปลี่ยนแปลงจนรู้สึกได้จริงๆ คือเรื่องบอร์ดแบรนด์อินเตอร์เน็ต ที่เด้งรับโครงสร้างพื้นฐานเรื่องแบรนด์วิดธ์และความเร็วการเชื่อมต่อที่หลายๆ คนร้องอ้าว! ที่ผ่านมาท่านทั้งหลายกั๊กสัญญาณอินเตอร์เน็ตกันไว้รอขาย 5G เอาราคากันหรือไง? พอเกิดวิกฤตปุ๊บก็เพิ่มความเร็วและแบรนด์วิดธ์กันได้ทันที เหมือนเคาะคีย์บอร์ดไม่กี่ครั้งก็ได้แล้ว
แต่ประเด็นวันนี้เราข้ามเรื่องแบบนี้ไปเถอะ… เรื่องแล้วไปแล้วก็แล้วไป เอาเป็นว่าเน็ตเร็วเน็ตแรงใช้ได้เลยก็ดีแล้ว… เพราะไลฟ์สไตล์ดิจิตอลของผู้คนนับจากนี้คงเป็น New Normal หรือเรื่องปกติใหม่และกลายเป็นเรื่องปกติไปโดยปริยายในไม่ช้า ในกรณีเน็ตเร็วเน็ตแรง… โลกธุรกิจนับจากนี้ไปก็เช่นกัน เรื่องนัดประชุม รอประชุมหรือดองประชุมแบบหนีไปต่างประเทศหรือหาทางซื้อเวลาเหมือนยุคเก่าๆ คงยากแล้ว เพราะสองสามสัปดาห์ผ่านมานี้ ธุรกิจน้อยใหญ่ประชุมออนไลน์กันถี่ยิบจนหลายคนเริ่มบ่นแล้วว่า… ประชุมออนไลน์เยอะและถี่ยิ่งกว่าไปออฟฟิศเสียอีก แต่ก็ได้งาน… ได้การตัดสินใจและลื่นไหลเข้าที่เข้าทางเร็วมาก

ที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้นคือ Marketing Model ที่แต่ละธุรกิจงัดออกมาชิงความได้เปรียบ ในขณะที่คู่แข่งบางส่วนยังงงงวย ซึ่งหลายๆ ค่ายเล่นเกมส์เร็วทำ Digital Disruption ที่แม้แต่คนในองค์กรบางส่วนก็ยังปรับตัวตามแทบไม่ทัน แต่ก็ถูกบังคับให้ปรับตัวโดยปริยายเว้นแต่อยากจะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
พูดถึง Marketing Model… คนอสังหาคงไปชนกันด้วย Contents Video ทั้งหมดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งรายเล็กรายใหญ่… และมีโอกาสจะได้เห็นทีมขายมือปืนรับจ้าง ที่จะกลายเป็น Outsourcing ด้านการตลาดจริงจังขึ้นอีกเยอะทีเดียว โดยเฉพาะ Developers รายใหญ่ๆ ที่มีกลยุทธ์ซับซ้อน ขนาดองค์กรไม่ต้องใหญ่แต่เครือข่ายโครงสร้างแข็งแกร่ง รวมทั้งรายเล็กที่คิดใหญ่ แต่ไม่อยากสร้างทีมใหญ่ให้เป็นภาระทีหลัง…
เพราะวิกฤตครั้งนี้ให้สัจธรรมหลายมุมแก่ธุรกิจน้อยใหญ่ ซึ่งการยกระดับไปใช้เทคโนโลยีนั้นเป็นของแน่… เหมือนกับการปรับโครงสร้างองค์กรที่สัญญาณค่อนข้างชัดทีเดียวกับหลายๆ ค่ายที่ผมได้พูดคุยแลกเปลี่ยนมา… ส่วนใครจะปรับยังไงแค่ไหนอีกไม่นานคงมีความเคลื่อนไหวผ่านงาน PR มาอวดกันตามสื่อ

ประเด็นก็คือ… ผู้คนออนไลน์มากขึ้น และมีแนวโน้มความต้องการที่อยู่อาศัย พร้อมมุมทำงานที่ทำงานได้จริงๆ หรือมีห้องทำงานเป็นสัดเป็นส่วนจริงจัง ซึ่ง… ที่ผ่านมาต้องยอมรับว่า การออกแบบคอนโดมิเนียม ทาวน์เฮาส์หรือแม้แต่บ้านเดี่ยวก็ขายห้องนอน ห้องน้ำ โรงรถกันเป็นส่วนใหญ่แทบทั้งสิ้น… ซึ่งบ้านที่มีห้องทำงานส่วนใหญ่ ก็ปรับเอาห้องนอนที่ไม่ได้ใช้มาทำกันเองมากกว่า
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร… Real Estate is Real ไปตลอดกาลแน่นอน และสัญญาณการปรับเปลี่ยนทั้งหลาย เป็นการปรับเปลี่ยนเชิงเทคนิควิธีการจัดการ ที่จะยกระดับไปดิจิตอลเร็วขึ้นกว่าที่คาดกันไว้หลายปีเท่านั้นเอง… เตรียมทักษะดิจิตอลให้พร้อม เตรียมเครื่องมือทำธุรกิจยุคดิจิตอลให้พร้อม… คุณโควิด หนึ่งเก้าคงไม่ให้พวกเราได้พักเหนื่อยถอนหายใจนานนักหรอก
นอกเหนือจากนั้นก็คงไม่มีข่าวดีอะไรให้ชื่นใจกว่านี้… ความจริงผมเกาะติดความเห็นของผู้ใหญ่หลายๆ ท่าน อย่างเช่น อาจารย์โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการ AREA หรือ ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ รักษาการผู้อำนวยการ ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ที่สำนักข่าวใหญ่ไปสัมภาษณ์ท่านเหล่านี้ เพื่อถามหาแนวโน้มที่ผมเชื่อว่า… ทุกท่านก็พยายามหาคำตอบที่หายากไม่ธรรมดากันทั้งนั้น
ซึ่งผมมองว่า… อันที่เปลี่ยนแน่ๆ แล้วคือการถูกผลักเข้าสู่ Digital Age เต็มรูปแบบ ซึ่งธุรกิจที่จ้องจังหวะการเปลี่ยนผ่านนี้ไว้อย่างดี และเตรียมคน เตรียมแผน เตรียมเทคโนโลยีไว้พร้อมตั้งแต่ปีสองปีที่แล้ว… ที่ส่วนใหญ่รอเพียงการทำ 100% Tranformation ภายในองค์กรเท่านั้นเอง