คุณอาทิตยา เกษมลาวัณย์ หัวหน้าแผนกซื้อขายโครงการที่พักอาศัย CBRE Thailand เปิดเผยข้อมูลว่า ชาวต่างชาติกลับมาให้ความสนใจซื้อที่พักอาศัยระดับลักซ์ชัวรี่ในไทย ทั้งโครงการคอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว และ บ้านพักตากอากาศที่ตั้งอยู่ในทำเลชั้นนำ ตั้งแต่เริ่มมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติกลับเข้ามาท่องเที่ยวในไทย โดยในช่วงครึ่งหลังปี พ.ศ. 2565 มียอดขายผ่านซีบีอาร์อีเกินกว่า 200-300%
ด้านผู้พัฒนาโครงการก็มีความเคลื่อนไหวเพื่อตอบรับกับความต้องการที่เพิ่มมากขึ้น เตรียมเปิดโครงการใหม่ระดับลักซ์ชัวรี่ และ ซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ในปี พ.ศ. 2566 อีกหลายโครงการ โดยเฉพาะบ้านเดี่ยว ทั้งนี้ โครงการใหม่ที่เตรียมจะเปิดตัว และ มีแผนกซื้อขายโครงการที่พักอาศัย ซีบีอาร์อีเป็นตัวแทนในปีนี้มีมูลค่าโครงการรวมทั้งสิ้นกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท
จากการวิเคราะห์ข้อมูลโครงการที่ซีบีอาร์อีเป็นตัวแทนบริหารการตลาดและการขายพบว่า… ผู้สนใจซื้อโครงการที่พักอาศัยจากซีบีอาร์อีตั้งแต่ปี พ.ศ. 2565 ถึงต้นปี พ.ศ. 2566 คิดเป็นคนไทย 89% และ ชาวต่างชาติ 11% โดยลูกค้าชาวต่างชาติที่มองหาคอนโดมิเนียม และ บ้านส่วนใหญ่มาจากในเอเชีย ได้แก่ จีน ฮ่องกง ไต้หวัน พม่า สิงคโปร์ และ ญี่ปุ่น สำหรับลูกค้าที่ต้องการซื้อบ้านพักตากอากาศส่วนใหญ่มาจากยุโรป ได้แก่ รัสเซีย อังกฤษ ฝรั่งเศส และ เยอรมนี
ลูกค้าชาวต่างชาติซื้อโครงการคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้นถึง 383% และ ซื้อโครงการบ้านเพิ่มขึ้น 233% โดยชาวต่างชาติที่ซื้อโครงการบ้านส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยอยู่แล้ว รวมทั้งซีบีอาร์อียังพบว่าลูกค้าชาวต่างชาติกลับมาสนใจซื้อวิลล่าตากอากาศอีกครั้งหลังจากที่หายไปก่อนหน้านี้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อค่อนข้างสูง หรือ มีวงเงินในการซื้อคอนโดมิเนียมที่ระดับราคา 15-30 ล้านบาท ต้องการคอนโดมิเนียมบนทำเลใจกลางเมือง โดยเฉพาะย่านธุรกิจอย่างสีลม สาทร ลุมพินี สุขุมวิท ปทุมวัน และ ทำเลริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองถึง 87%
สำหรับโครงการบ้าน… ลูกค้าชาวต่างชาติส่วนใหญ่มีงบประมาณในการซื้ออยู่ที่ 51-80 ล้านบาท โดยเฉพาะทำเล กรุงเทพตะวันออก ใจกลางเมือง และ ทำเลรอบนอกฝั่งตะวันออก โดยซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองถึง 85% และ สำหรับบ้านพักตากอากาศนั้น ลูกค้าชาวต่างชาติมักจะซื้อในราคา 15-30 ล้านบาท โดยสนใจทำเลภูเก็ต และ หัวหิน ส่วนใหญ่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง 71%
โดยลูกค้าชาวจีนยังคงต้องการซื้อที่พักอาศัยในไทยสูงสุด… ส่วนใหญ่ต้องการซื้อคอนโดมิเนียมหรูขนาด 1-2 ห้องนอน ในระดับราคา 15-30 ล้านบาท บนทำเลสีลม สาทร และ ซื้อเพื่อการอยู่อาศัยเองเป็นหลัก ในส่วนของโครงการบ้าน ชาวจีนต้องการซื้อบ้านขนาด 4 ห้องนอน บนทำเลกรุงเทพตะวันออก และ มีงบประมาณในการซื้อตั้งแต่ 30 ถึง 100 กว่าล้านบาท โดยส่วนใหญ่ต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม… ปีที่ผ่านมามีลูกค้าชาวพม่าที่อาศัยอยู่ในประเทศพม่า สิงคโปร์ และ ไทยหลายรายเข้าทำสัญญาซื้อขายโครงการกับซีบีอาร์อี ในระดับราคาตั้งแต่ 5 ล้านบาท ถึงมากกว่า 100 ล้านบาท โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมระดับลักซ์ชัวรี่ขนาด 2 ห้องนอน ระดับราคา 15-30 ล้านบาทบนทำเลลุมพินี และ สุขุมวิท สำหรับโครงการบ้าน ผู้ซื้อชาวพม่าส่วนใหญ่ต้องการบ้านขนาด 4 ห้องนอน ในทำเลกรุงเทพตะวันออกและใจกลางเมืองเพื่ออยู่อาศัยเองถึง 91%
ส่วนข้อมูลจากคุณประกายเพชร มีชูสาร หัวหน้าแผนกซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต CBRE Thailand เปิดเผยเพิ่มเติมว่า… ตลาดที่พักอาศัยในภูเก็ตมียอดขายที่พักตากอากาศในปี พ.ศ. 2565 ผ่านซีบีอาร์อี เพิ่มสูงขึ้น 24% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยที่พักอาศัยที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือ วิลล่าหรือบ้านพักตากอากาศ ซึ่งมียอดขายเพิ่มขึ้นถึง 69% โดยตลาดต่างชาติที่สนใจโครงการที่พักอาศัยในภูเก็ตเริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง
ทั้งนี้ ลูกค้าในประเทศยังอยู่ในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกับปีก่อนหน้า ในขณะที่ลูกค้าจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น 93% มาจากหลากหลายเชื้อชาติที่เข้ามาลงทุนซื้อคอนโดมิเนียมในภูเก็ต ได้แก่ รัสเซีย แคนาดา อิตาลี ฝรั่งเศส จีน และ อังกฤษ
ความต้องการในตลาดวิลล่าภูเก็ตยังคงมีอยู่มากในหมู่ผู้ซื้อที่คุ้นเคยกับเกาะนี้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ซื้อเดิมจากโครงการก่อนหน้านี้ หรือ จากเพื่อนและครอบครัวที่แนะนำ ทำให้ตลาดวิลล่าภูเก็ตยังคงมีลูกค้าที่เข้ามาลงทุนซื้ออย่างต่อเนื่อง อาทิเช่น รัสเซีย จีน อิตาลี อังกฤษ เยอรมัน ออสเตรเลีย อเมริกา อินเดีย และไอร์แลนด์ เพื่อเป็นที่อยู่อาศัยเองและปล่อยเช่า… CBRE คาดการณ์ว่า ความต้องการซื้อที่พักอาศัยจากชาวต่างชาติจะครอบคลุมตลาดหลายระดับ และกระจายไปยังทำเลทั้งในกรุงเทพมหานคร และ จังหวัดที่เป็นแหล่งพักผ่อนตากอากาศชั้นนำ รวมถึงครอบคลุมไปถึงตลาดเช่าอีกด้วย
ขอบคุณสำนวนต้นฉบับจาก Thansettakij.com