ข่าวจากกรุงเทพธุรกิจรายงานว่า ธนารักษ์ประกาศเลื่อนใช้ราคาประเมินที่ดินใหม่ออกไป 1 ปี หลังกฎหมายการประเมินราคาทรัพย์สินเพื่อประโยชน์แห่งรัฐ ฉบับใหม่จะมีผลในเดือนพฤษจิกายน ทำให้คณะกรรมการประเมินราคาที่ดินตามกฎหมายดังกล่าวไม่สามารถประเมินราคาที่ดินใหม่ได้ทัน
คุณวิลาวัลย์ วีระกุล รองอธิบดีกรมธนารักษ์เปิดเผยว่า กรมธนารักษ์ได้เลื่อนการประกาศราคาประเมินที่ดินใหม่ที่มีแผนจะประกาศใช้วันที่ 1 ม.ค. 2563 ออกไป 1 ปี เนื่องจากต้องนำราคาประเมินที่ปรับปรุงใหม่ในช่วงระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมาเสนอเข้าสู่การพิจารณาคณะกรรมการประเมินราคาทรัพย์สินเพื่อประโยชน์แห่งรัฐ ตามพระราชบัญญัติการประเมินราคาทรัพย์สินเพื่อประโยชน์แห่งรัฐ พ.ศ. 2562 ซึ่งกฎหมายดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ในเดือนพฤษจิกายนนี้ ดังนั้น คงไม่สามารถนำราคาประเมินฉบับใหม่เสนอเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมายดังกล่าวได้ทัน

“เดิมทีคิดว่ากฎหมายประเมินราคาทรัพย์สิน จะมีผลบังคับใช้หลังกฎหมายที่ดินมีผล คือ มีผลหลังวันที่ 1 ม.ค. 2563 กรมธนารักษ์จึงเตรียมพร้อมปรับปรุงราคาประเมินที่ดินและทุนทรัพย์ เพื่อประกาศให้เป็นไปตามรอบ 4 ปี แต่ล่าสุดกฎหมายประเมินราคาทรัพย์สินจะมีผลปลายเดือนพฤษจิกายนนี้ ราคาประเมินที่ทำไว้จะต้องเสนอเข้าสู่คณะกรรมการของกฎหมายซึ่งดูตามเวลาไม่ทัน ดังนั้นต้องใช้ราคาประเมินเดิมไปก่อน 1 ปี”
รองอธิบดีกรมธนารักษ์กล่าวว่า ปกติราคาประเมินต้องประกาศใช้ก่อนเดือนมกราคม ประมาณ 30 วัน หรือประกาศช่วงต้นเดือนธันวาคม ซึ่งก่อนหน้านี้กรมธนารักษ์เตรียมพร้อมในการประเมินราคาที่ดินใหม่ทั่วประเทศเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่เมื่อต้องนำราคาประเมินเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมายประเมินราคาทรัพย์สินคงไม่ทัน เนื่องจากต้องออกกฎหมายลูกอีกหลายฉบับ รวมถึงต้องมีการตั้งคณะกรรมการ และต้องนัดประชุมคณะกรรมการตามกฎหมายใหม่
การคงราคาประเมินเดิมไว้ 1 ปี โดยใช้ราคาประเมินรอบปี 2549-2562 น่าจะช่วยลดภาระของประชาชนจากภาระถือครองที่ดินและทรัพย์สิน เช่น บ้าน ที่ดิน ได้ในระดับหนึ่ง เพราะในปี 2563 กฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจะมีผลบังคับใช้ ถ้าต้องใช้ราคาประเมินใหม่ในการคำนวนภาษีทำให้ประชาชน เจอ 2 เด้ง คือถูกเก็บภาษีจากราคาประเมินใหม่ อาจทำให้ภาระภาษีที่จะเสียเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ราคาประเมินที่ดินที่กรมฯปรับปรุงไว้ในปี 2562 พบว่าราคาที่ดินทั่วประเทศปรับขึ้น 7-8% เมื่อต้องใช้ของเดิมไป 1 ปีต้องมีการปรับปรุงราคาใหม่ในปี 2563 แต่คิดว่าคงไม่ทำให้ราคาที่ดินปรับขึ้นมาก เพราะก่อนหน้านี้ในรอบ 2 ปีคือในปี 2561 เคยมีการปรับราคาประเมินไปแล้ว 1 รอบ
สำหรับกฎหมายประเมินราคาทรัพย์สิน มีการปรับโครงสร้างคณะกรรมการประเมินราคาทรัพย์สินใหม่ จากเดิม ปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นประธาน มาเป็นปลัดกระทรวงการคลังเป็นประธาน ซึ่งคณะกรรมการดังกล่าวจะกำหนดนโยบายการประเมินราคาทรัพย์สิน เสนอแนะคณะรัฐมนตรีออกกฎกระทรวงและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ให้ความเห็นและให้คำปรึกษาส่วนราชการ โดยในการประเมินราคาที่ดินและการจัดทำบัญชีเป็นอำนาจคณะกรรมการประเมินระดับจังหวัด มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน รวมถึงคณะกรรมการระดับจังหวัดต้องทำหน้าที่พิจารณาคำคัดค้านอีกด้วย
เนื้อข่าวมีประมาณนี้ครับ… สรุปว่าปัจจัยทางเศรษฐกิจน่าจะเป็นเหตุผลหลักที่ต้องเลื่อนใช้ราคาประเมินใหม่ออกไปก่อน เพื่อหลีกทางให้กฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างบังคับใช้ไปก่อนบนราคาประเมินเดิม เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบราคาที่ดินที่ยังไม่มีใครประเมินได้ว่าจะสร้างผลกระทบ และกลายเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ ที่กำลังพยายามดันตัวผ่านกับดักประเทศรายได้ปานกลางอย่างสาหัส
…เพราะสุดท้ายแล้ว ทุกๆ สิ่งล้วนเริ่มต้นบนที่ดินซักแปลง โดยใครซักคน!!!
อ้างอิง
- http://web.senate.go.th/bill/bk_data/530-6.pdf
- https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/850819