สิงคโปร์ หรือ Singapore หรือชื่ออย่างเป็นทางการคือ Republic of Singapore เป็นนครรัฐที่ตั้งอยู่บนเกาะปลายสุดของแหลมมาลายู ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในพื้นที่คาบสมุทรมาเลย์ หรือ Malay Peninsula ติดกับรัฐยะโฮร์ของประเทศมาเลเซีย และอยู่ทางเหนือของเกาะสุมาตราของประเทศอินโดนีเซีย
สิงคโปร์ในปัจจุบันถือเป็นประเทศพัฒนาแล้วหนึ่งเดียวในอาเซียน… ชาวสิงคโปร์มีรายได้เฉลี่ยต่อหัว ปี 2018-2019 อยู่ที่ 2.1 ล้านบาทต่อคนต่อปี… มีประชากร 5.6 ล้านคน… GDP หรือผลิตภัณฑ์มวลรวมทั้งประเทศ 11.6 ล้านล้านบาท อยู่ลำดับที่ 34 ของโลก
สิงคโปร์เป็นสถานที่พักสินค้าของพ่อค้าทั่วโลก เดิมชื่อ เทมาเส็ก มีกษัตริย์ปกครอง ต่อมาในคริสต์ศตวรรษที่ 17 ได้มีเจ้าผู้ครองนครปาเล็มบัง เดินทางแสวงหาดินแดนใหม่เพื่อสร้างเมือง แต่เรือก็อับปางลง พระองค์ได้ว่ายน้ำขึ้นฝั่ง แล้วก็เห็นสัตว์ชนิดหนึ่งมีรูปร่างลำตัวสีแดงหัวดำหัวคล้ายสิงโตหน้าอกขาว พระองค์จึงถามคนติดตามว่า สัตว์ตัวนั้นคืออะไรคนติดตามก็ตอบว่ามันคือ สิงโต พระองค์จึงเปลี่ยนชื่อเทมาเส็กเสียใหม่ว่า สิงหปุระ ต่อมาสิงหปุระก็ได้ตกเป็นของสุลต่านแห่งมะละกา
ในยุคของการล่าอาณานิคม… โปรตุเกสเป็นประเทศแรกที่เข้ายึดสิงคโปร์ไว้เป็นเมืองขึ้น เมื่อปี 1511 และต่อมาก็ถูกชาวดัตช์ชิงดินแดนสิงหปุระไปครอบครอง… กระทั่ง ปี 1817 อังกฤษได้ส่ง Sir Thomas Stamford Bingley Raffles หรือ เซอร์โทมัส แสตมฟอร์ด บิงก์เลย์ แรฟเฟิลส์ เข้าสำรวจดินแดนแถบสิงคโปร์ และใช้อุบายขอตั้ง สถานีการค้าของอังกฤษขึ้นบนเกาะสิงคโปร์ และตามด้วยการยึดสิงคโปร์ไว้เป็นเมืองขึ้นได้สำเร็จ… และ Sir Thomas Stamford Bingley Raffles ก็ปฏิรูปสิงคโปร์ยุคใหม่ขึ้นเป็นประเทศ
ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2… แม้ญี่ปุ่นจะเข้าครอบครองดินแดนสิงคโปร์เอาไว้ แต่เมื่อสงครามสิ้นสุดลง อังกฤษก็ได้กลับไปครอบครองสิงคโปร์เหมือนเดิม… แต่หลังสงครามโลกไม่นาน อังกฤษก็เริ่มปลดปล่อยอาณานิคม โดยสิงคโปร์ได้ขอรวมชาติกับมาเลเซียในนามสหพันธรัฐมาเลเซีย หรือ States and Federal Territories of Malaysia… เพื่อให้รอดพ้นจากการเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษในเบื้องต้น
แต่สิงคโปร์ก็ไม่พอใจสหพันธรัฐมาเลเซียหลายประเด็น จนเกิดความขัดแย้งมากมาย และนำไปสู่การประกาศเอกราชในวันที่ 9 สิงหาคม ปี 1965… และใช้ชื่อ สาธารณรัฐสิงคโปร์ นับแต่นั้น โดยมีนายกรัฐมนตรีหนุ่มจากพรรคกิจประชาชน หรือ People’s Action Party หรือ PAP เป็นแกนนำ… มีการปกครองในระบอบสาธารณรัฐโดยมีประธานาธิบดีเป็นประมุขทางพิธีการ และมีนายกรัฐมนตรีเป็นประมุขทางด้านบริหาร
ชื่อของ ลี กวน ยู หรือ 李光耀 หรือ Harry Lee Kuan Yew ผู้เป็นทั้งแกนนำพรรค PAP นายกรัฐมนตรี และหัวหอกในการพาเกาะสิงคโปร์ออกจากการเป็นอาณานิคมอังกฤษ โดยเข้ากับสหพันธรัฐมาเลเซีย และเคลื่อนไหวออกจากสมาชิกสหพันธ์ เพื่อเป็นเอกราชอย่างแท้จริง… และพาเกาะรกร้างไร้ค่าที่มีเพียงท่าเทียบเรือ ไม่มีทรัพยากรธรรมชาติใดๆ ให้แสวงหา… กลายเป็นประเทศที่ทรงอิทธิพลระดับโลกในทุกด้านจนถึงปัจจุบัน
ลีกวนยูได้รับการยกย่องสูงสุดจากชาวสิงคโปร์ในฐานะ “มหาบุรุษแห่งสิงหปุระ” ในฐานะผู้ครองตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ยาวนานถึง 31 ปี ตั้งแต่ก่อนสิงคโปร์แยกตัวออกมาตั้งประเทศสิงคโปร์ ในปี 1965 เสียอีก… กระทั่งลงจากตำแหน่งในปี 1990 เพื่อหลีกทางและส่งต่อบ้านเมืองให้คนรุ่นใหม่ได้ปกครองสิงคโปร์ต่อไป… ความจริงบทบาทของลีกวนยู เด่นชัดและแหลมคมมาตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่สอง และอยู่กับทุกๆ การเปลี่ยนแปลงตั้งแต่วันที่ยังเป็นอาณานิคม… จนถึงวันที่เป็นชาติอันยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
ว่ากันว่า… เหตุจราจลครั้งใหญ่ในสิงคโปร์จนสหพันธรัฐมาเลเซียยินดีให้สิงคโปร์แยกตัวออกไปนั้น… มีลีกวนยูนำชาวสิงคโปร์ก่อเหตุขึ้นเพื่อให้สหพันธรัฐขับออกจนเป็นเอกราช… ซึ่งสหพันธรัฐมาเลเซียก็ไม่ได้สนใจพื้นที่ๆ มีแต่คนเชื้อสายจีนสื่อผืนหมอนใบที่ไม่ได้นับถือศาสนาอิสลามให้ต้องเสียดายอยู่แล้ว
และลีกวนยูก็ทำให้คำว่า… กันดารคือสินทรัพย์ นำคนสิงคโปร์สร้างชาติด้วยเวลาเพียง 20-30 ปี ก็มี GDP หรือ ผลิตภัณฑ์มวลรวมทั้งประเทศ… ขึ้นมาเคียงไหล่มาเลเซียทั้งที่มาเลเซียมีประชากรกว่า 30 ล้านคน หรือมีคนมากกว่าสิงคโปร์ถึงกว่า 6 เท่า… เมื่อหารรายรับต่อหัวออกมา ชาวสิงคโปร์จึงร่ำรวยกว่าชาวมาเลเซียกว่าหกเท่าเช่นกัน
ลีกวนยูสร้างชาติโดยให้ความสำคัญอย่างมากกับการวางรากฐานการศึกษาของประชาชน เพราะเชื่อว่าประเทศจะพัฒนาได้ต้องสร้างคนก่อน… ลีกวนยูสนับสนุนให้ประชาชนได้เรียน 2 ภาษา และคัดเลือกประชาชนระดับหัวกะทิไปเรียนในสถาบันการศึกษาชั้นนำของโลกหลายแห่ง เพื่อนำความรู้กลับมาพัฒนาประเทศ… โดยเฉพาะการกลับมาเป็นครู และช่วยกันยกระดับการเรียนการสอนและการศึกษาให้ประชาชนในประเทศได้เรียนในระดับเท่าเทียมกับต่างประเทศ
นอกจากจะวางรากฐานทางการศึกษาแล้ว ลีกวนยูยังเห็นว่าบุคคลที่จะมาพัฒนาประเทศได้นั้น “มีความรู้อย่างเดียวไม่พอ ต้องมีความคิดสร้างสรรค์ด้วย” จึงมีการสนับสนุนและพัฒนาทางด้านความคิดสร้างสรรค์ให้กับเด็กๆ และเด็กในยุคนั้นจนกลายเป็นประชาชนที่มีคุณภาพในปัจจุบัน
ที่น่าสนใจคือ… สิงคโปร์เป็นเกาะ ซึ่งมีขนาดเล็กที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่สิงคโปร์สามารถสร้างประเทศให้กลายเป็นศูนย์กลางทางพาณิชย์ที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก… สิงคโปร์เป็นศูนย์กลางการเงินใหญ่ที่สุดอันดับ 4 ของโลก… สิงคโปร์เป็นศูนย์กลางของการขนส่งสินค้าผ่านท่าเรือพาณิชย์เป็นอันดับ 2 ของโลก… รายได้หลักของประเทศเกิดจาก 2 ส่วนคือ ภาคอุตสาหกรรม มีสัดส่วน 25% ของ GDP และภาคบริการ มีสัดส่วน 75% ของ GDP… ส่วนภาคเกษตรกรรมนั้น ไม่มีบทบาทในเศรษฐกิจของประเทศสิงคโปร์เลย ทั้งจากสภาพภูมิประเทศที่ไม่เอื้ออำนวย และยุทธศาสตร์ชาติที่ให้ความสำคัญกับการค้าการลงทุนมากกว่า
โดยส่วนตัวผมศึกษาลีกวนยูในแง่มุมด้านการศึกษาเอาไว้มาก เพราะผมมองว่า… แนวทางการพัฒนาการศึกษาภายใต้นโยบายของลีกวนยูนั้น มีบริบทที่ใกล้เคียงกับประเทศไทย ซึ่งการลอกแบบการศึกษาตามอย่างตะวันตกในสัดส่วนที่สูง ทำให้บริบทระบบการศึกษาของไทยเกิดปัญหาเชิงซ้อนมากมายจนติดหล่มมานับร้อยปี… และด้อยลงทุกวันอย่างน่าเสียดาย
สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนที่สุดของคนสิงคโปร์ที่ผมรู้จัก และที่ผมค้นคว้าศึกษาจนได้รายงานขึ้นหิ้งไปหลายสิบเล่มก็คือ… เด็กๆ หรือแม้แต่คนสิงคโปว์มีวินัยสูงมาก ใช้สมองส่วนหน้าดำเนินชีวิตด้วยความรู้ ทักษะและจินตนาการมากกว่าจะใช้สมองส่วนกลางที่เป็นสัญชาตญาณที่มีมาตั้งแต่โบราณ
หลายครั้งผมจึงยกคำกล่าวของลีกวนยูที่พูดถึงความสำคัญของ “วินัย” ซึ่งเป็นเครื่องมือเดินทางเข้าหาเป้าหมายและฝัน หรือ จินตนาการ… จากประโยคที่ว่า… If you want to reach your goals and dreams, you cannot do it without discipline… ถ้าท่านต้องการคว้าเป้าหมายและฝัน ท่านคงคว้ามันไม่ได้หากขาดวินัย!
ย้อนกลับไปปี 1950… ลีกวนยูกลับแผ่นดินเกิดที่สิงคโปร์ ในขณะที่สิงคโปร์ยังคงอยู่ภายใต้การเป็นอาณานิคมของอังกฤษ เขาเริ่มต้นชีวิตด้วยการเป็นนักกฎหมาย ก่อนจะเบนเข็มเข้าสู่การเมือง โดยจัดตั้งพรรคกิจประชาชน หรือ Peoples Action Party หรือ พรรค PAP ขึ้นในปีเดียวกัน… และปี 1959 ลีกวนยูในวัย 35 ปีก็ได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์… และเคลื่อนไหวพาสิงคโปร์หลุดจากการเป็นอาณานิคมและสหพันธรัฐจนเป็นเอกราช และเติบโตตามเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ได้อย่างแท้จริงจนถึงปัจจุบัน
5 กุมภาพันธ์ ปี 2015… ลีกวนยู ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลด้วยภาวะปอดติดเชื้อ เขานอนรักษาตัวอยู่ที่ Singapore General Hospital โดยใช้เครื่องช่วยหายใจ… ประชาชนหลั่งไหลมาที่โรงพยาบาลพร้อมกับช่อดอกไม้และการ์ดอวยพร แต่ก็ไร้ปาฏิหาริย์… บิดาของสิงคโปร์จากไปในเวลา 03.18 นาฬิกา ของวันที่ 23 มีนาคม ปี 2015… แต่ชื่อ ลี กวน ยู ยังอยู่กับชาวสิงคโปร์จนถึงทุกวันนี้
อ้างอิง