กลางดึกรับเช้าวันใหม่ของวันที่ 4 มกราคม ปี 2009 เวลา 01:15… Bitcoin จำนวน 50 BTC ถูกโอนจากบล็อกปฐมภูมิ หรือ Genesis Block หรือบล็อกเชนเริ่มต้นของเครือข่าย Bitcoin ไปยัง Bitcoin Wallet บนเครือข่าย Coinbase ที่ Address: 1A1zP1eP5QGefi2DMPTfTL5SLmv7DivfNa ของ Satoshi Nakamoto เป็นค่าขุดบิทคอยน์ หรือ ค่าแรงสร้างบล็อกปฐมภูมิ หรือ Genesis Block… และนั่นคือนาทีเริ่มต้นของ Bitcoin และ Cryptocurrency ที่สั่นคลอนท้าทายระบบเงินตราที่เรียกว่า Fiat Money หรือ เงินเหรียญเงินธนบัตร ที่ใช้กันมาหลายร้อยปีจนถึงปัจจุบัน
Bitcoin จำนวน 50 BTC ในกระเป๋าเงินบิทคอยน์ก้อนแรกของโลกที่ถือครองโดยผู้ก่อตั้งบิทคอยน์นาม Satoshi Nakamoto… ยังคงนอนนิ่งอยู่ที่เดิม และมีจำนวนเพิ่มขึ้น จากนักลงทุนบิทคอยน์ทั่วโลกที่ส่ง Bitcoin ให้ Satoshi Nakamoto ในวาระต่างๆ จนถึงปัจจุบัน… วันที่ 9 มกราคม ปี 2021 มีจำนวนเงินอยู่ในบัญชีนี้มากถึง 68.35907188 BTC หรือ มีมูลค่าราว 2,700,000 ดอลลาร์ ในวันที่ราคาบิทคอยน์ไหลขึ้นทะลุ 40,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อ 1 BTC
จากปี 2009 ถึงปี 2021… Bitcoin อายุ 12 ขวบผ่านความท้าทายเหยียดหยามและสารพัดข้อสงสัย รวมทั้งคำถามร้อยแปด จากคนมากมายที่หลายความเห็นมีทั้งแตกต่างต่อต้านและท้าทาย… มาจากคนมีชื่อเสียง มีความรู้ มีหน้ามีตาและมีสถานะโดยไร้ข้อกังขา… ในขณะที่ Satoshi Nakamoto กลับเป็นเพียงนามแฝงของคนนิรนาม หรือ Anonymous Person ที่ไม่เคยเปิดเผยตัวตน และเมื่อถึงกลางปี 2010… การแบ่งปันและผลักดันเครือข่าย Bitcoin ในนาม Satoshi Nakamoto ก็หายไป… เหลือแต่ Gavin Andresen ดูแลเครือข่ายบิทคอยน์ที่กำลังไปได้สวย ในฐานะที่ร่วมแบ่งปันและพัฒนาบิทคอยน์ร่วมกับ Satoshi Nakamoto โดยไม่เคยพบเจอกันจริงๆ เลยสักครั้ง
ปี 2010 เป็นปีที่ Bitcoin ถูกสงสัย ถูกหัวเราะเยาะ ถูกตั้งคำถามและท้าทายทั้งจากคนที่รักบิทคอยน์และคนที่เกลียดบิทคอยน์มากมาย… แต่นั่นไม่ได้หยุดยั้งการเติบใหญ่ของชุมชนบิทคอยน์ ที่คนศึกษาเทคโนโลยีอย่างเข้าใจล้วนรู้ดีว่า… Cryptocurrency ไม่ใช่เรื่องขำขันไร้ค่าอย่างที่คนรู้ไม่จริงเข้าใจเอาเองอย่างแน่นอน… โดยเฉพาะกลุ่มคนที่เข้าใช้ Webboard ที่ bitcointalk.org ในช่วงเวลานั้น ซึ่งการพูดคุย แลกเปลี่ยน ถกเถียงและร่วมสร้างสรรค์เทคโนโลยี Blockchain และ Cryptocurrency ท้าทายระบบการเงินและชำระราคา ได้แผ่ขยายการรับรู้ไปทั่วโลก จนรัฐบาลทุกประเทศต้องออกกฏเพื่อควบคุมผลกระทบอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะในช่วงที่ Bitcoin ถูกบิดเบือนว่าเป็นส่วนหนึ่งของด้านมืดของอินเตอร์เน็ต รวมทั้งใช้เป็นเหยื่อล่อคนโลภทั่วโลกที่รู้ไม่มากแต่อยากรวยลัดมากมาย
Webboard ที่ bitcointalk.org มีสมาชิกชื่อ satoshi พูดคุยแลกเปลี่ยนและแบ่งปันอยู่มาตั้งแต่ก่อนจะถึงวันที่จะมี Genesis Block ของ Bitcoin พอสมควร… กระทู้หมายเลข 532 satoshi ตอบข้อสังเกตุเชิงวิพากษ์โดยเพื่อนสมาชิกนาม bytemaster ในประเด็นการ Confirm Block ระดับ 10 นาที เทียบกับการจ่ายและตัดยอดบัตรเครดิต ที่ bytemaster เปิดประเด็นทำนองว่า สามารถรูดบัตรแป๊บเดียวก็เสร็จแล้ว เห็นทีบิทคอยน์ต้องปรับปรุงสิ่งนี้… โดยลืมไปว่า การตัดยอดบัตรเครดิตจบที่ธนาคารกับผู้ถือบัตรเร็วก็จริง แต่ผู้รับบัตรกับธนาคารกว่าจะเคลียริ่งเสร็จอย่างน้อยก็ต้อง 24 ชั่วโมงข้างหน้า… และ satoshi ตอบไปยาวยืดและตบท้ายว่า… If you don’t believe it or don’t get it, I don’t have the time to try to convince you, sorry… ถ้าคุณไม่เชื่อถือหรือยอมรับมัน ผมก็ไม่เสียเวลาพยายามอธิบายโน้มน้าวคุณหรอก เสียใจด้วย
ก่อนหน้านั้น… การโต้แย้งถกเถียงทั้งสร้างสรรค์และสร้างประเด็นมากมาย… การโต้ตอบจาก Satoshi Nakamoto ไม่เคยอ่อนข้อให้การดูแคลนหรือแม้แต่ความเขลาเบาใดๆ ที่คิดสั้นๆ ถามทื่อๆ ซึ่งเป็นความห้าวของคนที่เชื่อมั่นในสิ่งที่ตนสร้างขึ้นอย่างสูง… และสิบกว่าปีผ่านไปก็ยืนยันวิสัยทัศน์ทั้งหมดของ Satoshi Nakamoto อย่างชัดเจนว่า… โคตรเจ๋งอะไรปานนั้น!!!
ผมยกประเด็นนี้ขึ้นมาไม่ได้จะรื้อฟื้นเอาตะเข็บอะไรหรอกครับ… เพียงแต่อยากเอาช่วงเวลาหนึ่งของ Bitcoin มาเป็นกรณีตัวอย่างเรื่องวิสัยทัศน์การพัฒนาและนำใช้เทคโนโลยีระดับนวัตกรรม ที่แปลว่าใหม่มากและต้องใช้เชิงพาณิชย์ให้ได้ด้วย คนอยากขับเคลื่อน ที่ชอบใช้คำเท่ห์ๆ หลุดออกปากคารมณ์ดีเด็ดอย่างง่ายดายด้วยคำว่า “นวัตกรรม” นั้น… คนพูดคนผลักดันต้องเชื่อมั่นจริงและรู้จริง เข้าใจจริง เห็นภาพในอนาคตชัดเจนจริงเท่านั้นครับ… จึงจะไม่กลายเป็นพวกดีแต่พูดในตอนท้าย… ส่วนอีกประเด็นหนึ่งก็คือ การทำอะไรใหม่ๆ ที่ไม่มีใครเคยทำ… หรือไม่มีใครคิดว่าจะมีคนทำ… หรือมีแต่คนคิดว่า คนทำต้องซ่อนเล่ห์ซ่อนกล แต่ก็ยังวนๆ เพราะสนใจผลประโยชน์ที่ไม่ยอม “ลงทุนเรียนรู้” อะไรใหม่ แถมแค่เพียงจะถามอย่างสร้างสรรค์ก็ไม่ทำ ใช้การถามนำความเห็นเบี้ยวๆ ให้เพลียหูเสียอีก… อย่าเสียเวลา Convince หรือโน้มน้าวให้เมื่อย เพราะคนอยากคุยประเด็นนวัตกรรม หรือทำอะไรใหม่ๆ ที่ไม่เข้าใจคุณค่าการเรียนรู้และเวลา มักจะทำลายบรรยากาศเพราะความเบาเขลาส่วนตัวอยู่แล้ว
กรณีของ Satoshi Nakamoto ที่มีทั้งคนอ้างตัวว่าเป็น Satoshi Nakamoto… และคนปฏิเสธว่าไม่ได้เป็น Satoshi Nakamoto ผู้เป็นคนเขียน White Paper Bitcoin มากมาย… หรือแม้แต่คนที่ตายจากไปแล้วบางคน ก็ถูกสงสัยว่าเป็น Satoshi Nakamoto ก็มี… แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับ… การเป็นบุคคลที่มีตัวตนอย่างไร้ร่องรอย ที่จะเป็นตำนานไปตลอดกาล… คำถามอย่าง Satoshi Nakamoto เป็นใคร? เขาหายไปไหน? และถ้าใช่คนที่ตายไปแล้วมีอะไรยืนยัน? ถ้าใช่คนที่ยังมีชีวิตอยู่ เขาจะเก็บ Bitcoin ใน Genesis Block ไปถึงเมื่อไหร่? หรือทำไมไม่เอาสิทธิ์ครอบครอง Wallet Address: 1A1zP1eP5QGefi2DMPTfTL5SLmv7DivfNa มายืนยันเพื่อรับเกียรติอันยิ่งใหญ่สมกับที่อยากเป็น Satoshi Nakamoto!!!
References…