ฟาร์มสเตย์เป็นปรากฏการณ์การท่องเที่ยวแบบใหม่ ที่กระแสมาแรงที่สุดกระแสหนึ่งในวันที่ผู้คนทั้งโลก ใช้มือถือเป็นศูนย์กลางการใช้ชีวิตและอาชีพการงานที่นับวัน… ผู้คนที่ “สะดวกเดินทางและว่างท่องเที่ยว” จะเพิ่มมากขึ้น
ข้อมูลในมือผมจำนวนหนึ่งชี้ว่า… ปี 2020 จะเป็นปีที่ธุรกิจดึงเทคโนโลยีมาแทนคนอย่างชัดเจน… และแนวโน้มการเลิกจ้างก็ชัดเจนเช่นกันในหลายๆ อุตสาหกรรม… กูรูหลายท่านก็เห็นตรงกันว่า ภาคการผลิตที่หมายถึงโรงงานต่างๆ น่าจะเลิกจ้างพนักงานในปีนี้อีกไม่น้อย และถูกทดแทนด้วยระบบอัตโนมัติจนถึงหุ่นยนต์ที่ช่วงนี้ การนำเข้าเทคโนโลยีจะถูกลงจากภาวะเงินบาทแข็งค่า ซึ่งถือเป็นโอกาส… และเอกชนเองก็ต้อง Upgrade ขั้นตอนและขบวนการผลิตขึ้นไปอีกขั้น ในวันที่การแข่งขันเรื่องเทคโนโลยีและต้นทุนการผลิตสินค้าทุกชนิด จะไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป… ส่วนโรงงานที่ยังต้องพึ่งพาแรงงานคนอยู่… แนวโน้มที่พบจากข้อมูลยิ่งหนักหนาถึงขั้นย้ายโรงงานไปแอฟริกากันเป็นส่วนใหญ่ ข่าวว่า… แม้แต่ฐานการผลิตในจีน ที่เดิมก็ผลิตทุกอย่างได้ถูกกว่าโรงงานในไทย ก็ยังต้องย้ายไปแอฟริกาทั้งเพราะต้นทุนที่สูงขึ้นและสงครามการค้าที่ไม่มีวันจบค่อนข้างแน่… ฝั่งธนาคารเองหลายแห่งก็คงทยอยเลิกจ้างอีกชุดใหญ่กันทุกแห่ง และอีกหลายปัจจัยที่บอกได้คำเดียวว่า… ปี 2020 คงเป็นปีที่เหนื่อยสำหรับหลายๆ คนแน่นอน!
กลับมาที่ฟาร์มสเตย์… ฟาร์มสเตย์เป็นพัฒนาการอีกขั้นของโฮมสเตย์ ซึ่งแต่ละที่ก็จะมีธรรมชาติที่แตกต่างตามลักษณะทางกายภาพและรากฐานการใช้ประโยชน์ที่ดินและอสังหาริมทรัพย์แห่งนั้นในทางทางเกษตรกรรมมาก่อน หรือไม่ก็สร้างระบบนิเวศน์ทางการเกษตรขึ้นใหม่เป็นศูนย์กลาง…
ฟาร์มสเตย์ได้รับความนิยมทั้งจากนักท่องเที่ยวและนักลงทุนอย่างมีนัยยะสำคัญจากข้อดีหลายอย่าง ที่ไม่ได้มีแต่ประเทศไทยที่มีแหล่งท่องเที่ยวพร้อมที่พักแบบฟาร์มสเตย์… ถ้าท่านค้นหาที่พักแบบ Farm Stay ในแอพจองที่พักทั้งหลาย… ท่านจะเห็นเองว่าฟาร์มสเตย์มีอยู่ทุกมุมโลก
ฟาร์มสเตย์ จะมีที่พักและอาหาร พร้อมบริการแบบพื้นถิ่นเหมือนญาติมิตรเยี่ยมเยียน อบอุ่นและเป็นกันเองแบบโฮมสเตย์ทั่วไปแต่ให้ได้มากกว่า… ด้วยกิจกรรมภายในฟาร์มเองหรือแม้แต่กิจกรรมที่ออกแบบขึ้นใหม่เพิ่มเติม… ซึ่งฟาร์มเองต้องสร้างสรรค์กิจกรรมต่างๆ ขึ้นเพื่อดึงลูกค้าและแขกพัก ให้เต็มใจใช้เวลาอยู่กับฟาร์มให้มาก…




ประเด็นโมเดลบริการภายในฟาร์มผมขอข้ามไปน๊ะครับ เพราะการออกแบบโมเดลบริการสำหรับฟาร์มสเตย์ เป็นงานสร้างสรรค์ที่ไม่ได้มีแพทเทิร์นชัดเจนแต่อย่างใด…
แต่อยากพูดถึงฟาร์มสเตย์ในมิติของโมเดลธุรกิจและการลงทุน ที่มุมมองส่วนตัวของผมเห็นว่า ฟาร์มสเตย์ถือเป็น Mixed-use Property Project ที่มีโมเดลรายได้หลายทางทั้งจากผลผลิตในฟาร์มและธุรกิจบริการ
แต่ประเด็นใหญ่ที่สำคัญมากกว่าทำเกษตร แปรรูป ขายอาหารและให้เช่าบ้านพักของฟาร์มสเตย์ก็คือ… Knowledge and Intellectual Property หรือภูมิปัญญาและทรัพย์สินทางปัญญา ที่ใช้ออกแบบเหตุผลที่คนจากทั่วสารทิศจะต้องมาเยือนสักครั้ง…
ถ้าถามผมตอนนี้ว่า Knowledge and Intellectual Property แบบไหนที่จะดึงดูดอารมณ์ FOMO หรือ Slo-MO ได้… ยอมรับว่าผมเองก็บอกไม่ถูกว่าภูมิปัญญาแบบไหนที่สำคัญกับผู้คนขนาดต้องเดินทางไปสัมผัส เหมือนสิ่งศักดิ์สิทธิ์หลายๆ แห่งที่ผู้คนหลั่งไหลไป หรือร้านอาหารคิวยาวๆ ที่ผู้คนยินดีรอคิวเพราะอยากกินมากกว่าอยากหายหิว
ที่นึกออกก็มีแต่เครื่องมือสื่อสารการตลาดชิ้นเด็ดของยุคสมัยที่ผมเชื่อว่า ยังใช้ได้กับฟาร์มสเตย์เช่นกันคือ