ความฝันแรกๆ ในวัยเด็กของผม คืออยากเขียนนิยายตอนลงนิตยสารอย่างบางกอกหรือทานตะวันที่ปิดตัวไปแล้วเมื่อหลายปีก่อน… ซึ่งผมก็ริเริ่มฝึกเขียนมาตลอดแต่ก็ทำๆ หยุดๆ ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน… จนปัจจุบันก็ยังฝึกอยู่ทุกวันและได้เริ่มเอาจริงเอาจัง เมื่อปล่อยงานหลายๆ อย่างออกจากตัวและเริ่มเขียน Blog อย่างทุกวันนี้… และพยายามเขียนนิยายให้จบซักเรื่อง แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่สามารถ
ผมเองมีนักเขียนที่ชื่นชอบทั้งไทยและสากลอยู่ในลิสต์เยอะเหมือนกัน… แม้จะไม่ใช่หนอนหนังสือตัวจริงถึงขั้นดมกลิ่นกระดาษ หรือขลุกอยู่กับวรรณกรรมเช้ากลางวันเย็นเหมือนหลายๆ ท่านที่ผมรู้จัก
วันนี้ผมเอาเรื่องหนังสือและงานเขียนมาเล่าในเวบอสังหาก็เพราะว่า… Quote หรือคำคมบทหนึ่งที่ผมชอบมากจนกลายเป็นแฟนผลงานอื่นๆ ของนักเขียนที่ใช้คำคมบทนี้ในงานของเธอ… คำคมท่อนนั้นเขียนไว้ว่า
Home isn’t a place, it’s a feeling. …บ้านไม่ใช่สถานที่ มันคือความรู้สึก
เป็นคำพูดในนวนิยายเรื่อง Love, Rosie โดยนักเขียนชื่อดังคนหนึ่งในปัจจุบันคือ Cecelia Ahern

Cecelia Ahern หรือ ซิซีเลีย อะเฮิร์น เป็นนักเขียนที่มีผู้ตั้งนิยามผลงานของเธอและตัวเธอไว้ว่า… เธอคือราชินีแห่งเทพนิยายยุคใหม่ เธอจัดสรรทุกสิ่งที่ผู้อ่านต้องการเอาไว้หมดแล้ว ทั้งความรัก เวทมนต์ รวมทั้งตอนจบที่งดงาม และสำคัญที่สุดคือ…ความหวัง
ผลงานของ Cecelia Ahern ในรูปนวนิยายมีมากถึง 16 เรื่องและขายได้มากกว่า 25 ล้านเล่มทั่วโลกทั้งต้นฉบับภาษาอังกฤษและฉบับแปลที่มีทุกภาษาให้เลือก… นอกจากนั้นผลงานของเธอหลายเรื่องได้รับการแปลงเป็นบทภาพยนตร์ และถ่ายทำออกฉายทำรายได้ไม่อายใครทุกเรื่องมาแล้วเช่นกัน
แต่วันนี้ขออนุญาตโฟกัสเล่าเฉพาะนวนิยายขายดี ต้นฉบับหนังรักโรแมนติกที่หลายท่านอาจจะเคยดูหรือคุ้นๆ ชื่อในเวบหรือแอพสตรีมมิ่งทั้งหลาย หนังเรื่องนั้นคือ… Love, Rosie
Love, Rosie เป็นนวนิยายจากต้นฉบับชื่อ Where Rainbows End ที่พิมพ์จำหน่ายครั้งแรกในปี 2004 โดยใช้ชื่อเรื่อง Love, Rosie พิมพ์ขายในอเมริกา และได้รับการดัดแปลงเป็นบทภาพยนตร์ออกฉายในปี 2014 กำกับการแสดงโดย Christian Ditter มีนักแสดงอย่าง Lily Collins และ Sam Claflin นำแสดง
Where Rainbows End เป็นหนังสือขายดีขึ้นอันดับหนึ่งติดต่อกันหลายสัปดาห์ ตั้งแต่พิมพ์และวางขายครั้งแรกทั้งในไอร์แลนด์บ้านเกิดของนักเขียนและบนเกาะอังกฤษ… ไม่ต่างจากงานเขียนเล่มแรกของเธออย่าง PS, I Love You ที่ยืนหนึ่งขายดีติดต่อกัน 19 สัปดาห์
ในบ้านเรา… Love, Rosie ไดรับการแปลโดยคุณ มณฑารัตน์ ทรงเผ่า จากแพรวสำนักพิมพ์และใช้ชื่อเรื่องภาษาไทยว่า… รัก, เพื่อน
ตัวละครหลักใน Love, Rosie ก็คือ Rosie กับ Alex เป็นเพื่อนกันมานานแสนนานตั้งแต่เด็ก รู้ไส้รู้พุงกันหมดจน ไม่คิดว่าจะมีทางเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นได้นอกจากเพื่อน… ในช่วงวัยเปลี่ยนผ่านหลังจบมอปลาย… ชีวิตทั้งคู่จึงเหมือนโคจรกันคนละเส้นทางเมื่อ Alex ได้ทุนเรียนที่บอสตัน… ในขณะที่ Rosie กลายเป็นแม่วัยรุ่นเลี้ยงเดี่ยวจากความสัมพันธ์ผิดพลาดในคืนงานเลี้ยงจบไฮสคูล
ทั้งคู่ต่างตามหาฝันและ “บ้าน” ที่คิดว่าจะหาได้ไม่ยากเรื่อยๆ จนเวลาล่วงเลยสิบกว่าปีผ่านไป จนลูกสาวของ Rosie กลายเป็นเด็กสาววัยรุ่น… และ Rosie เองก็มานะบากบั่นจากอาชีพแม่บ้านในโรงแรมจนกลายเป็นเจ้าของโรงแรมเล็กๆ ตามความฝันของเธอ… บ้านที่ Rosie ตามหาจึงเป็นรูปเป็นร่าง…
ผมจะไม่เล่าตอนจบ… เพราะประเด็นจริงๆ ที่อยากพูดถึงคือคำว่า Home isn’t a place, it’s a feeling. ซึ่งประโยคนี้คือ หัวใจของการอยู่อาศัย… ท่านที่เคยเสนอขายบ้านให้ลูกค้า ถ้าสังเกตุดีๆ จะทราบว่า ลูกค้าเลือกบ้านด้วยความรู้สึกก่อน ค่อยมาดูเรื่องซื้อได้จ่ายไหว… ซึ่งการขายบ้านส่วนใหญ่ ขอเพียงลูกค้ารู้สึกอยากเป็นเจ้าของ และอยากได้จริงๆ… เรื่องไฟแนนเชี่ยลก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคมากมาย…
สุดท้าย… ขอให้ทุกท่านมี Feeling Like Home ทุกที่ทุกวันครับ!
อ้างอิง