จากสถานการณ์โควิด19 ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่และกระทบไปในวงกว้างอย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้ว ซึ่งผลกระทบที่เกิดขึ้นในระดับมหภาคนั้น หนักหนาถึงขั้นที่รัฐบาลต้องดึงเงินจากทุกทางที่ดึงได้ เพื่อนำมาใช้ประคับประครองสภาพเศรษฐกิจและสังคมไทยให้ผ่านพ้นในยามยาก ซึ่งก็มีแต่เงินจากภาครัฐเท่านั้นที่จะขยับกลไกทางเศรษฐกิจที่เหลืออยู่ ไม่ให้ดับลงจนหมดโอกาส… เงินก้อนใหญ่ๆ หลายก้อนที่รัฐบาลเอาออกมาบริหารประเทศในช่วงนี้ หลายฝ่ายก็เป็นห่วงประเทศไทยในระยะยาวเหมือนๆ กัน แม้จะเข้าใจความถึงความจำเป็นก็ตาม
ล่าสุด… คุณแพตริเซีย มงคลวนิช ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ หรือ สบน. ก็ได้เอาตัวเลขหนี้สาธารณะของไทย ที่หลายฝ่ายพูดถึงและกังวลกันอยู่ มาเปิดเผยผ่านนักข่าวว่า… หนี้สาธารณะของไทยในปัจจุบันอยู่ที่จำนวน 8.1 ล้านล้านบาท คิดเป็น 51.9% ต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ GDP… โดย ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะยืนยันว่า ระดับหนี้สาธารณะของไทยในปีงบประมาณ 2564 นี้ จะอยู่ที่ประมาณ 56% ตามกรอบความวินัยการเงินทางการคลัง “ไม่เกิน 60% ต่อ GDP”
ซึ่งสาเหตุที่ระดับหนี้สาธารณะปรับตัวสูงขึ้นจากระดับ 40% เป็นเพราะการออกพระราชกำหนดเงินกู้ฉุกเฉิน 1 ล้านล้านบาท เพื่อนำมาใช้เพื่อดูแลสถานการณ์โควิด19 เนื่องจากเงินในงบประมาณในปี 2564 ไม่เพียงพอ
ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะยืนยันว่า… เราใช้นโยบายการบริหารหนี้สาธารณะอย่างรอบคอบ เพราะเคยมีประสบการณ์การกู้ต่างประเทศ ซึ่งทำให้หนี้สาธารณะพุ่งสูงขึ้นมาก โดยในช่วงตั้งแต่เกิดวิกฤตต้มยำกุ้ง ปี 2540 ไทยได้มีการตั้งกรอบหนี้สาธารณะไว้สูงถึง 65% ต่อจีดีพี ตอนนี้ก็มีการปรับกฎหมายหลายตัวเพื่อให้รัฐบริหารหนี้อย่างรอบคอบ และลดกรอบหนี้สาธารณะมาอยู่ที่ระดับไม่เกิน 60% ต่อจีดีพี ตอนนี้ถือว่าไทยยังมีเครดิตดี เพราะเราบริหารได้ดี และสถานะการคลังยังแข็งแกร่ง… การเพิ่มขึ้นของหนี้สาธารณะของไทยสอดคล้องกับประเทศอื่นๆ ทั่วโลกในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เช่น ตลาดเกิดใหม่และประเทศในเอเชียเฉลี่ยการก่อหนี้อยู่ที่ 67% จากเดิมอยู่ที่ 60% ในขณะที่ประเทศไทย ณ สิ้นปีงบประมาณ 2564 การก่อหนี้สาธารณะอยู่ที่ประมาณ 56%
หากคิดตามจำนวนหนี้สาธารณะทั้งหมด 8.1 ล้านล้านบาท… จริงๆ แล้วหนี้สาธารณะของไทยที่รัฐบาลจะต้องแบกรับมีเพียง 6.3 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 77% โดยเป็นการกู้ตรง และ จากการกู้ที่รัฐบาลออกพระราชกำหนดเงินกู้พิเศษ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ… ส่วนที่เหลือจะเป็นเงินที่รัฐวิสาหกิจกู้มา ซึ่งรัฐวิสาหกิจจะเป็นผู้ชำระหนี้ด้วยตัวเองไม่กระทบหนี้สาธารณะภาพรวม
ซึ่งถ้าเป็นสถานการณ์ปกติหากมีการก่อหนี้ถึง 60% จะถือว่าประเทศมีความเสี่ยงมาก แต่ในช่วงโควิด19 แม้เพดานหนี้จะดันสูงก็ไม่น่าห่วง เพราะการกู้เงินเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจจะทำให้จีดีพีไม่หดตัวลง
ตามนั้นครับ!
References…