นับตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายปี 2018 เป็นต้นมา สถานการณ์ค่าเงินบาทแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักของโลก ก็พาเรากลับมาเห็นอัตราแลกเปลี่ยนระดับ 30 บาทเศษต่อเนื่องมาจนถึงวันนี้… หากเราดูตัวเลขย้อนหลังช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ช่วงที่อ่อนค่าที่สุดคือเดือนตุลาคม 2558 ค่าเงินบาทอยู่ที่ 36.42 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เคลื่อนไหวไม่ต่ำกว่า 35 บาท จนเดือนมีนาคม 2560 ค่าเงินเริ่มแข็งค่ามาอยู่ที่ 34.00 บาทต่อดอลาร์สหรัฐ และแข็งค่าขึ้นเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบันเดือนกันยายน 2562 อยู่ที่ 30.5 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
ก่อนอื่นมาทบทวนเศรษฐศาสตร์ค่าเงินกันหน่อยครับ… คำว่าค่าเงินบาทแข็งค่า หมายถึง เราจะใช้เงินบาทน้อยลงเพื่อแลกเงินต่างประเทศ เช่น เมื่อก่อนเราต้องใช้เงิน 45 บาทแลกได้เพียง 1 ดอลลาร์สหรัฐ แต่ตอนนี้เราใช้เงินบาท 30.5 บาทแลกได้ 1 ดอลลาร์สหรัฐ… แสดงว่าปัจจุบัน เงินบาทแข็งค่าขึ้น หรือจะบอกว่าดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง… ก็ได้
เมื่อบาทแข็งขึ้น… คนที่กระทบตรงๆ คือธุรกิจส่งออกที่รายได้เป็นเงินตราต่างประเทศ ก่อนหน้านี้เคยส่งออกทำเงินได้ 1 ล้านดอลลาร์ เอากลับมาแลกเงินบาทได้ 32-34 ล้านบาท… วันนี้ส่งออกเหมือนเดิมทุกอย่าง ได้ค่าสินค้า 1 ล้านดอลลาร์เท่าเดิม แต่แลกเป็นเงินบาทเหลือแค่ 30 ล้านบาทเศษๆ เท่านั้น… เงินหายไปจากบัญชีเพราะอัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยเลย
ฝั่งธุรกิจส่งออกจึงเดือดร้อนเจ็บปวดกับค่าเงินแข็งค่า!
อีกเซกเตอร์หนึ่งที่กระทบกระเทือนเสมอเมื่อค่าเงินบาทแข็งค่าก็คือ เซกเตอร์การท่องเที่ยว ซึ่งนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามา จะต้องใช้เงินตราต่างประเทศมากขึ้น เพื่อแลกเป็นเงินบาท เช่น เมื่อก่อนนักท่องเที่ยวแลกเงิน 100 ดอลลาร์ได้เงินบาท 3200-3400 บาท… ตอนนี้ 100 ดอลลาร์แลกได้เพียง 3000 บาทเศษเหมือนกัน… แสดงว่านักท่องเที่ยวต้องจ่ายแพงขึ้นเมื่อเข้ามาท่องเที่ยวเมืองไทย ตัวอย่างเช่น ถ้าอัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์แลกได้ 35 บาท นักท่องเที่ยวที่จองที่พักราคา 3500 บาทจะจ่ายเป็นเงินดอลลาร์เพียง 100 ดอลลาร์ พอค่าเงินบาทแข็งขึ้นเป็น 1 ดอลลาร์แลกได้ 30 บาท นักท่องเที่ยวต้องใช้เงิน 116.6 ดอลลาร์ เช่าห้องพักราคา 3500 บาท… กรณีนี้แปลว่าอยู่เฉยๆ ห้องพักห้องเดิม ราคาเดิม บริการเหมือนเดิม แต่แพงขึ้น 15-16 เปอร์เซนต์
ส่วนคนที่ได้ประโยชน์ก็จะเป็นนักท่องเที่ยวชาวไทย ที่เดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศครับ… ถ้าดูตามตัวอย่างที่ยกมาข้างบน คนไทยไปเที่ยวนอกก็จะจ่ายถูกลง 15-16 เปอร์เซนต์เช่นกัน
อีกกลุ่มหนึ่งที่ได้ประโยชน์คือธุรกิจนำเข้า… เพราะสินค้าที่สั่งซื้อจากต่างประเทศเหมือนเดิม… แต่เมื่อจ่ายเป็นดอลลาร์ ราคาก็จะถูกลงกว่าเดิมเช่นกัน… กรณีนี้สังเกตได้จากราคาน้ำมันชัดเจนที่สุด ซึ่งช่วงที่ผ่านมา ราคาน้ำมันในตลาดโลกเขยิบตัวสูงขึ้นจากปัจจัยหลายอย่าง รวมทั้งเหตุก่อการร้ายโรงกลั่นน้ำมันใหญ่ในซาอุดิอารเบียด้วย… แต่ราคาน้ำมันในประเทศก็ไม่ได้กระทบกระเทือนมากมาย เพราะหลายฝ่ายเชื่อว่า ค่าเงินบาทที่แข็งค่ามาช่วงใหญ่ๆ น่าจะทำให้ผู้ค้าน้ำมันในประเทศมี Margin จากอัตราแลกเปลี่ยนพอสมควร
ประกอบกับ… ธุรกิจรายใหญ่ที่นำเข้าส่งออกประจำ จะมีเครื่องมือบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ที่มีบริการในทุกธนาคาร เช่น สัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า (Forward) การประกันค่าเงิน (Options) สัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Futures) การเปิดบัญชีเงินฝากเงินตราต่างประเทศ (FCD) รวมทั้งเครื่องมือบริหารจัดการอื่นๆ อีกมาก… ซึ่งตรงนี้ผมเห็นตรงกับหลายๆ ท่านว่า เงินบาทแข็งค่าครั้งนี้ฝั่งผู้นำเข้าตัดไปเพราะได้ประโยชน์อยู่แล้ว ส่วนผู้ส่งออกส่วนใหญ่ จะมีเครื่องมือบริหารความเสี่ยงที่ธนาคารเสนอบริการให้อยู่แล้วเป็นส่วนใหญ่… ส่วนภาคการท่องเที่ยว รอบนี้โดนเต็มๆ ครับ
ประเด็นก็คือ… ตัวเลขเศรษฐกิจไทยมาจากธุรกิจท่องเที่ยว ราว 15% ของผลิตภัณฑ์มวลรวม หรือ GDP… มาเที่ยวเมืองไทยแล้วแพง นักท่องเที่ยวก็จะเบนเข็มปลายทางไปทิศอื่น ดังนั้น ถ้าปลายปีนี้ (และน่าจะต่อเนื่องไปอีกหลายปี) พวกเราเห็นตัวเลขการเติบโตจากธุรกิจท่องเที่ยวของเพื่อนบ้านในอาเซียนอย่างเวียดนาม มาเลเซีย ลาว กัมพูชาหรือแม้แต่พม่า… ก็จงอย่าได้แปลกใจ ถ้าเอาตัวเลขการขยายตัวของการท่องเที่ยวมาเทียบกัน
เรื่องของเรื่องจะกลับมาที่… ธุรกิจท่องเที่ยวเป็นธุรกิจที่เกี่ยวโยงกับอสังหาริมทรัพย์ที่ “ใครซักคนทำอะไรบนที่ดินซักแปลง” ในโลกใบนี้… และเป็นท่านเองที่กำลังมองหาโอกาสการลงทุนกับที่พัก อาหารหรือบริการกับนักท่องเที่ยว… มองข้ามชายแดนไปที่เพื่อนบ้านเลยครับ
สุดท้ายผมรวบรวมความเห็นจากหลายๆ ที่มาสรุปเรื่องค่าเงินไว้แบบนี้ก่อนครับ… เรื่องค่าเงินบาท ัยงไม่มีแนวโน้มจะอ่อนค่าลงกว่านี้จนมีช่องว่างมากมายทั้งในระยะสั้นและระยะกลาง แต่ค่าเงินบาทยังตรึงค่าเหนือ 30 เศษได้อย่างแน่นอนในระยะสั้นและระยะกลางเช่นกัน… โอกาสที่ค่าเงินจะหลุด 30 บามลงมาก็มีเหมือนกันครับ แต่ความเป็นไปได้ยังน้อยมากด้วยตัวแปรในปัจจุบัน
อ่อ… ไม่ต้องกังวลเรื่อง Libra Coin กับกรณีนี้น๊ะครับ!… บาทไทยเศรษฐกิจไทยในภาพรวม ยังเหนียวและหอมหวนไปไกลอีกนานครับ