18 ธันวาคม พ.ศ. 2563… ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ได้มีการติดตามความก้าวหน้าแผนพัฒนาการเกษตรในพื้นที่ EEC โดยรัฐบาลได้ตั้งเป้าการพัฒนาให้พื้นที่ EEC ให้เป็นต้นแบบการพัฒนาภาคการเกษตรของประเทศ การดำเนินการยึดกรอบแนวคิดการตลาดนำการผลิตเน้นการใช้เทคโนโลยีการเกษตรแก้ปัญหารากเหง้าของภาคเกษตรกรรม การกำหนดพื้นที่เพาะปลูกที่เหมาะสม พร้อมปรับเปลี่ยนการใช้ประโยชน์ที่ดินให้เหมาะสมกับคุณภาพดินและปริมาณน้ำ ประกอบด้วย 5 กลุ่มสินค้าเป้าหมาย คือ…
- ผลไม้ พัฒนาคุณภาพสินค้าสู่ตลาดสินค้ามูลค่าสูง
- ประมงเพาะเลี้ยง เพิ่มมูลค่าในห่วงโซ่อุปทานด้วยเทคโนโลยีการผลิต
- พืชสำหรับอุตสาหกรรมชีวภาพ
- เพิ่มมูลค่าพืชสมุนไพร
- ปรับเปลี่ยนผลผลิตสินค้าเกษตรราคาต่ำไปสู่สินค้าเกษตรมูลค่าสูง เช่น ปศุสัตว์ พืชผัก ผลไม้เมืองหนาว ดอกไม้ ทดแทนกันนำเข้า และเชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยว
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กำชับให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมโครงการตามแผนยุทธศาสตร์พัฒนาการเกษตรใน EEC ให้พร้อมเพื่อเริ่มดำเนินการตามเป้าหมาย ซึ่งในแผนระยะ 5 ปี ระหว่างปี พ.ศ. 2565–2570 ประกอบด้วย… โครงการทั้งหมด 91 โครงการ วงเงินรวม 3.2 พันล้านบาท และในปีงบประมาณ 2565 จะเริ่มดำเนินการ 56 โครงการ อาทิ โครงการแผนที่การเกษตร หรือ Agri-Map… โครงการพัฒนาสารสกัดและผลิตภัณฑ์จากพืชสมุนไพร… โครงการเพิ่มผลิตภาพการผลิตอ้อยโรงงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม… โครงการจัดตั้งระเบียงผลไม้ภาคตะวันออก… โครงการต้นแบบการสร้างนวัตกรรมเกษตรอัจฉริยะ มะม่วง ข้าว สมุนไพร และสัตว์น้ำ… โครงการจัดตั้งศูนย์นวัตกรรมบรรจุภัณฑ์และการตลาดอาหารทะเลเขต EEC
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี… คุณรัชดา ธนาดิเรก ผู้แถลงข่าวอย่างเป็นทางการกล่าวเพิ่มเติมว่า… นายกรัฐมนตรีต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลงด้านการเกษตรในพื้นที่ EEC อย่างเป็นรูปธรรม โครงการต่างๆ ที่รัฐบาลตั้งเป้าดำเนินการในปีงบประมาณหน้า จะแก้ปัญหาสำคัญของภาคการเกษตร คือ การผลิตโดยไม่ได้คำนึงถึงความต้องการที่แท้จริงของตลาด การผลิตที่ใช้ทรัพยากรมากแต่ใช้เทคโนโลยีค่อนข้างน้อย และการแปรรูปที่ไม่ได้เพิ่มมูลค่ามากนัก อีกทั้ง ผลลัพธ์ของโครงการเหล่านั้นจะนำไปสู่การเพิ่มรายได้เกษตรกร เพิ่มผลผลิตมวลรวมภาคการเกษตร ซึ่งปัจจุบันคิดเป็นร้อยละ 2.3 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมทั้งหมดในพื้นที่อีอีซี เป็นสัดส่วนที่น้อยเมื่อเทียบกับการใช้ที่ดินเพื่อการเกษตรถึง 5.51 ล้านไร่ หรือร้อยละ 66 ของพื้นที่ทั้งหมดใน EEC
References…