ปี 1999 นักจิตวิทยาสังคมชาวอเมริกันสองท่านจาก Cornell University นาม David Dunning และ Justin Kruger ได้ตีพิมพ์รายงานการวิจัยในวารสารทางจิตวิทยาว่า พวกเขาให้นักศึกษาทำข้อสอบวัดความสามารถในการคิดเชิงตรรกะ และความรู้เรื่องไวยากรณ์ แล้วให้ประเมินว่า ตนเองน่าจะได้คะแนนอยู่ในอันดับที่เท่าใด จากต่ำสุด 1 และสูงสุด 100 เมื่อเปรียบเทียบกับคนอื่น
ผลปรากฏว่า ไม่มีใครคิดว่าตัวเองอยู่ในอันดับต่ำกว่า 50 เลยสักคนเดียว เพราะทุกคนคิดว่าตัวเองทำแบบทดสอบได้เกินครึ่งแน่นอน… นักจิตวิทยาเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า Above Average Effect คือ ทุกคนมักจะมองตัวเองในแง่บวก… แปลว่า ไม่ว่าข้อเท็จจริงเกี่ยวกับตัวเองในแต่ละเรื่องจะเป็นยังไงหรืออยู่ระดับไหน… คนก็มักจะเชื่อว่าตัวเองไม่ได้แย่กว่าค่าเฉลี่ย (50/100) หรืออาจจะถึงขั้นให้คะแนนตัวเองสูงกว่าคนส่วนใหญ่บ่อยๆ
ในการวิจัยครั้งนี้ยังพบว่า… คนที่สอบได้คะแนนสูงสุด 25 อันดับแรก ประเมินว่าตัวเองน่าจะอยู่ในอันดับต่ำกว่าที่ตัวเองทำคะแนนได้ ส่วนคนที่ทำคะแนนสอบได้ต่ำสุด 25 อันดับสุดท้าย กลับประเมินตัวเองว่าน่าจะได้อันดับสูงเกินจริงมากที่สุด!

ศาสตราจารย์ทั้งสองท่านอธิบายเพิ่มเติมว่า…
การประเมินความสามารถของตนเองในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เราต้องมีความรู้ในเรื่องนั้นดีมากในระดับหนึ่งจึงจะบอกได้ว่า ตัวเราเป็นคนที่รู้จริงหรือไม่รู้… การมีความรู้ในเรื่องนั้นเพียงเล็กน้อย จะทำให้เราขาดความสามารถที่จะประเมินไปด้วย… คนที่ทำคะแนนสอบจริงได้น้อย จึงประเมินตัวเองเกินความรู้ของตนเอง…ในทางกลับกัน คนที่รู้มากหรือเชี่ยวชาญมากในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง จะรู้เรื่องนั้นดีที่สุด และสามารถประเมินตนเองได้ถูกต้องมากกว่า… ตรงนี้แปลไทยเป็นไทยได้ว่า… คนรู้น้อยมักจะเข้าใจว่าตัวเองฉลาดกว่าความเป็นจริง หรือโง่แล้วอวดฉลาดในภาษาไทยนั่นเองครับ
Dunning Kruger Effect ถูกอธิบายด้วยแผนภูมิหรือกราฟรูปตัว U ครับ… โดยให้แกน Y เป็นความมั่นใจในตนเอง หรือ Confidence และให้แกน X เป็นทักษะความชำนาญจริงๆ หรือ Expertise ของตัวเอง… ประเด็นจะเป็นแบบนี้ครับ เรามักจะเริ่มต้นด้วยการเรียนรู้อะไรใหม่มาซักเรื่องหนึ่ง แล้วเราก็เชื่อว่าตัวเองรู้เรื่องนั้นเยอะแล้ว เราก็จะพูดถึงสิ่งที่เรารู้มาเหมือนเรารู้ดีมาก… ตัวผมเองก็เคยเชื่อว่าตัวเองรู้ดีเรื่องอสังหาริมทรัพย์ดีมาก อวดรู้ขนาดเที่ยวบอกเที่ยวสอนคนนั้นคนนี้เต็มไปหมด… แต่พอตัวเองเริ่มมาทำเวบอสังหาฯ จริงๆ อย่าง Properea.com ท่านเชื่อมั๊ยครับว่า หลายอย่างผมเพิ่งทราบว่ามีอยู่ในโลกให้ต้องเรียนรู้ แถมยังมีที่ต้องเรียนรู้อีกมาก… ภาวะเชื่อมั่นเต็มเปี่ยมว่าตัวเองว่ารู้ดีไม่แพ้ใครนั่นแหละ ที่เป็นฝั่งซ้ายจุดสูงสุดของตัว U และทันทีที่รู้ความจริงว่า ที่รู้มาหน่ะแค่น้อยนิด ก็เลยค้นคว้าหาความรู้เพิ่ม ยิ่งหาเพิ่ม ยิ่งอ่านเพิ่ม ยิ่งเรียนเพิ่ม… ยิ่งเจอว่าตัวเองรู้น้อยจนความมั่นใจในตัวเองหล่นลงต่ำถึงท้องตัว U… แต่ก็เป็นโชคดีที่ระยะความเชื่อมั่นน้อยลงๆ ของผม… ผมได้พยายามเรียนรู้มากขึ้น ค้นคว้า อ่าน ลงมือทำ คุยกับคนเก่งๆ… ทักษะความรู้และความเชื่อมั่น จึงค่อยๆ เพิ่มขึ้น จนกล้าใส่ฟังก์ชั่นหลายตัวเข้าไปใน Properea.com ในขณะที่ฟังก์ชั่นและอะไรๆ ที่ “มันเยอะไป” ก็กล้าตัดออก เพื่อให้ระบบ Lean และ Minimal ไปพร้อมๆ กัน
ประเด็นก็คือ… ถ้าผมไม่เรียนรู้ และถืออัตตาว่าตัวเองว่ารู้ดีไม่มีอะไรต้องศึกษาหาเพิ่ม และลงมือออกแบบ properea.com ด้วยความรู้น้อยด้อยปัญญา แต่เข้าใจว่าตัวเองเก่ง… ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันว่า properea.com ในโหมดนั้นจะออกมาหน้าตายังไงและใช้อะไรได้บ้าง … ตอนนี้ properea.com ต้องไต่จากท้องตัว U ขึ้นสูงให้ได้… ผมจึงยินดีรับคำชี้แนะทุกอย่างจากทุกท่านตลอดเวลา

กลับเข้าเรื่องของ Dunning Kruger Effect… ตลกร้ายของประเด็นนี้ก็คือ บ่อยครั้งที่เรื่องบางเรื่องจะมีคนรู้น้อยแต่อวดโอ่หรือทำอะไรลงไปด้วยความรู้น้อย ที่แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญก็ยังไม้กล้ามั่นใจขนาดนั้นนั่นเอง…
มายาคติตามทฤษฎีนี้เป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับการเรียนรู้… หลายท่านคงเคยคิดว่าตัวเองทำข้อสอบได้มากกว่าที่ครูตรวจให้คะแนนมาบ้าง… หลายท่านคงเคยเจอข่าวลือที่เนื้อหาต่างกับข่าวจริงเรื่องเดียวกันมาบ้าง… หลายท่านคงเคยเจอการแชร์ข้อมูลลวง คลิปหลอก ข่าวเท็จ ข้อมูลมั่วมาบ้าง
ประเด็นก็คือ… นับจากนี้ไป สังคมทางกายภาพที่เท้าเราสัมผัสพื้นอยู่ กับสังคมออนไลน์ที่เราใช้นิ้วไถจอดูอ่านฟังแชร์… กำลังจะหลอมรวมจนยากจะแยกออกจากกันได้ การได้ข้อมูลอะไรมา หรือรู้อะไรมาแล้วสร้างการตอบสนองกลับทันทีโดยไม่รอบคอบไตร่ตรอง… โอกาสจะเกิดเหตุการณ์ “ตาบอดคลำช้างสองคนทะเลาะกัน” ใน Pantip เรื่องรูปร่างช้างที่ตัวเองไม่เคยเห็นได้ ซึ่งประเด็นดราม่าออนไลน์มากมายเกิดขึ้นแบบนี้บ่อยๆ จนหลายคนต้องลบโปรไฟล์ออนไลน์ หนีตัวเองเวอร์ชั่น “อวดฉลาดออนไลน์น่าอายมาก” ให้เห็นอยู่บ่อยๆ
ที่หนักกว่านั้นก็คือ หลายคนเข้าใจว่าตัวเองรู้เรื่องโรคภัยไข้เจ็บและทางรักษา เที่ยวแนะนำบอกต่อคนไปทั่ว… อย่างกรณีคนไข้ความดันขึ้นสูงจนช๊อค มาถึงโรงพยาบาลพร้อมแผลและเลือดท่วมตัว เพราะญาติคนไข้เข้าใจว่า การเจาะระบายเลือดออกจะลดความดันได้ระหว่างทางมาถึงโรงพยาบาล… หรือการแชร์สูตรยาสมุนไพรมากมายในอินเตอร์เน็ต… แนะนำให้ท่านหาข้อมูลเยอะๆ ถ้าสนใจ โดยเฉพาะความสนใจจนอยากลองหรืออยากบอกต่อ ควรเรียนรู้ให้ถ่องแท้ เพราะหลายอย่างอาจสำคัญถึงชีวิต
ในชีวิตการงานก็เช่นกันครับ… บ่อยครั้งที่งานหลายอย่างถูกทำขึ้นด้วยความรู้น้อย ทักษะต่ำ แต่เข้าใจว่าสิ่งที่เพียรทำมานั้นคือสุดยอด… เมื่อเจอเสียงหัวเราะจากเพื่อนร่วมงาน หรือเสียงวิจารณ์ที่เป็นลบกับผลงานขึ้น หลายครั้งที่เราเห็นจุดเปลี่ยนอันเลวร้ายเกิดขึ้นกับชีวิตคนๆ หนึ่ง…
สุขสันต์วันอาทิตย์ทุกท่านครับ!