วันที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2563 คุณชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธานประชุมเพื่อพิจารณาการเสนอขออนุมัติโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2… โดยมีคุณพิศักดิ์ จิตวิริยะวศิน รองปลัดกระทรวงคมนาคม… คุณสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง ผู้แทนสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร… การรถไฟแห่งประเทศไทย… สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ… สำนักงบประมาณ และกองยุทธศาสตร์และแผนงาน สำนักงานปลัดกระทรวงคมนาคม เข้าร่วมประชุม
ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาให้ การรถไฟแห่งประเทศไทยเสนอโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงขอนแก่น-หนองคาย เป็นโครงการที่มีความสำคัญและจำเป็นต้องเร่งดำเนินการเพื่อขับเคลื่อนระบบเศษฐกิจของประเทศ ให้ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สศช. พิจารณาเสนอความคิดเห็นประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี
ประเด็นก็คือ… กระทรวงคมนาคมได้เตรียมส่งเรื่องขออนุมัติโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 ทั้งหมด 7 โครงการ ระยะทางรวม 1,483 กิโลเมตร วงเงิน 272,219.14 ล้านบาท ประกอบด้วย…ช่วงปากน้ำโพ-เด่นชัย 285 กิโลเมตร วงเงิน 62,859.74 ล้านบาท… ช่วงเด่นชัย-เชียงใหม่ 189 กิโลเมตร วงเงิน 56,837.78 ล้านบาท… ช่วงชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี 308 กิโลเมตร วงเงิน 37,527.10 ล้านบาท… ช่วงขอนแก่น-หนองคาย 167 กิโลเมตร วงเงิน 26,663 ล้านบาท… ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี 168 กิโลเมตร วงเงิน 24,294.39 ล้านบาท… ช่วงสุราษฎร์ธานี-ชุมทางหาดใหญ่-สงขลา 321 กิโลเมตร วงเงิน 57,375.43 ล้านบาท และช่วงชุมทางหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ 45 กิโลเมตร วงเงิน 6,661.37 ล้านบาท…
และที่ประชุมในครั้งนี้ ได้พิจารณาผลการจัดลำดับความสำคัญของโครงการทั้งหมดโดยพิจารณาจากการเชื่อมโยงโครงข่ายทางรถไฟระหว่างประเทศและเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน การเชื่อมโยงเมืองศูนย์กลางของภูมิภาค การเชื่อมโยงโครงข่ายทางคู่ปัจจุบัน การเชื่อมโยงเมืองหลักด้านการท่องเที่ยว
จึงจัดลำดับในการพัฒนาดังนี้คือ… ลำดับที่ 1 ได้แก่ ช่วงขอนแก่น–หนองคาย… ลำดับที่ 2 ช่วงชุมทางถนนจิระ–อุบลราชธานี… ลำดับที่ 3 ช่วงชุมพร–สุราษฎร์ธานี… ลำดับที่ 4 ช่วงสุราษฎร์ธานี–ชุมทางหาดใหญ่–สงขลา… ลำดับที่ 5 ช่วงปากน้ำโพ–เด่นชัย… ลำดับที่ 6 ช่วงชุมทางหาดใหญ่–ปาดังเบซาร์ และลำดับที่ 7 ช่วงเด่นชัย–เชียงใหม่
ช่วงนี้ถ้าใครได้คุยกับผมเรื่องวิสัยทัศน์ทำเล หรืออะไรทำนองนี้… ผมจะพูดถึงรถไฟทางคู่ กับรถไฟความเร็วสูงตลอด และผมเพิ่งกลัมจากขอนแก่นและทริบอิสานตอนบนโซนตะวันออกอย่างกาฬสินธ์ มุกดาหาร นครพนม สกลนครและอุดรธานี… ซึ่งทัศนส่วนตัวผมเชื่อมาตลอดว่า ขอนแก่นจะเป็นเติบโตก้าวกระโดดรับการมาของรถไฟอย่างไม่ต้องสงสัย
และมติที่ประชุมพิจารณาลำดับโครงการรถไฟทางคู่ที่ท่านปลัดกระทรวงคมนาคนนั่งหัวโต๊ะครั้งนี้… ก็ยืนยันแล้วว่า ทางคู่ช่วงขอนแก่น–หนองคายต้องมาที่หนึ่ง… ซึ่งข่าวยังแจ้งอีกด้วยว่า… ที่ประชุมมีความเห็นว่า โครงการรถไฟทางคู่นั้นเป็นเครื่องมือในการพัฒนาและขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศ แต่ในขณะนี้ประเทศไทยอยู่ระหว่างการแก้ไขปัญหาผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากเชื้อไวรัส COVID-19… จึงเห็นควรให้สนอโครงการช่วงขอนแก่น-หนองคาย ก่อน… เนื่องจากเป็นโครงการที่มีความสำคัญและจำเป็นต้องเร่งดำเนินการเพื่อพัฒนาและขับเคลื่อนระบบเศษฐกิจของประเทศ อีกทั้งสามารถเชื่อมโยงระบบโลจิสติกส์จากจีน ลาว และไทย ลงมาถึงแหลมฉบังได้
ตามนั้นครับ… แสงส่องขอนแก่น อุดรและหนองคาย!!!
อ้างอิง