จีนในปี 2020… กลายเป็นมหาอำนาจเต็มตัว ท้าทายแกนอำนาจโลกเดิมในทุกมิติ ทั้งเศรษฐกิจ การเมือง การทหาร เทคโนโลยี การค้า การลงทุน และปลดปล่อยอำนาจเงินสกุลหยวน ผ่านกำลังซื้อมหาศาลของคนจีนจนกลายเป็นลมหายใจเศรษฐกิจไปทั่วโลก
คนจีนเชื่อกันสุดใจว่า จีนมีวันนี้เพราะชายร่างเล็กที่เป็น “ผู้นำที่ประเสริฐยิ่ง” และเป็นอัจฉริยะในทัศนชาวจีน ทั้งในฐานะ นักทฤษฎีลัทธิมาร์กซิสม์… นักปฏิวัติชนชั้นกรรมาชีพที่ยิ่งใหญ่… นักปกครอง… นักการทหาร… นักการต่างประเทศ และ สถาปนิกใหญ่ ผู้ออกแบบความทันสมัยให้ชาติและปฏิรูประบบสังคมนิยมจีน…และมหารัฐบุรุษของชาวจีนท่านนี้คือ… เติ้งเสี่ยวผิง
เติ้งเสี่ยวผิง หรือ Deng Xiaoping… เป็นชาวกว่างอัน หรือ Guang’an… มณฑลสื้อชวน หรือ Sichuan… เกิดเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม ปี 1904… เป็นบุตรชายคนโต มีพี่สาว 1 คน น้องชาย 3 คน และน้องสาว 2 คน … เมื่อยังเล็กใช้ชื่อ เติ้งเซียนเสิ้ง ส่วนชื่อที่ใช้เข้าเรียนครั้งแรกในโรงเรียนคือ เติ้งซีเสียน หรือ Deng Xixian
เติ้งซีเสียน เข้าเรียนในโรงเรียนประถมศึกษาตั้งแต่อายุ 5 ขวบ ใช้เวลาอีก 6 ปีก็เข้าเรียนระดับมัธยมศึกษาแห่งอำเภอกว่างอัน… ฤดูใบไม้ร่วงปี 1919 เติ้งซีเสียน สอบเข้าโรงเรียนเตรียมการแห่งนครจุงกิงเพื่อไปศึกษาต่อที่ฝรั่งเศส และเดินทางไปฝรั่งเศสช่วงฤดูร้อนปี 1920 ระหว่างเรียน เติ้งซีเสียน ต้องทำงานหนักในโรงงาน เพื่อหาค่าเล่าเรียนและค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

กระทั่ง ปี 1922… เติ้งซีเสียน ก็สมัครเข้าร่วมสันนิบาตเยาวชนสังคมนิยมแห่งชาติจีน… ต่อด้วย สมัครเข้าร่วมพรรคคอมมิวนิสต์จีนอย่างเป็นทางการในปี 1924 ได้ และถูกส่งไปศึกษาต่อที่โซเวียตช่วงต้นปี 1926… เติ้งซีเสียนอายุเพียง 22 ปี
ฤดูใบไม้ผลิปี 1927… เติ้งซีเสียนก็สำเร็จการศึกษาจากโซเวียตรัสเซียและกลับจีน พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้กำหนดให้เขาทำงานด้านการเมือง ในหน่วยทหารพันธมิตรราษฎร โดยนายพลเฝิง ยี่เสียง หรือ Feng Yuxiang ในเมืองซีอัน หรือ Xi’an
เติ้งซีเสียน เดินทางกลับมาตุภูมิในฤดูใบไม้ผลิปี 1927 ในช่วงนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างพรรคคอมมิวนิสต์และก๊กมินตั๋งอยู่ในภาวะตึงเครียด… เติ้งซีเสียนได้รับมอบหมายจากพรรคคอมมิวนิสต์จีนให้ไปเมืองซีอัน และทำงานใน “สถาบันการทหารและการเมืองซุนยัดเซน” ที่นี่ เติ้งซีเสียนได้เริ่มทำงานด้านการปฏิวัติเป็นครั้งแรกในจีน โดยมีตำแหน่งเป็นเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ที่จัดตั้งขึ้นภายในสถาบันและ เติ้งซีเสียน เปลี่ยนไปใช้ชื่อ เติ้งเสี่ยวผิง ในวันที่ 7 สิงหาคม ปี 1927 ช่วงนี้เองเพื่อปกปิดชื่อจริง
เติ้งเสี่ยวผิงเข้าร่วมการประชุมวิสามัญของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่เมืองอู่ฮั่น หรือ Wu Han… และย้ายตามหน่วยงานของคณะกรรมาธิการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนไปนครเซี่ยงไฮ เติ้งเสี่ยวผิงวัย 23 ปีในขณะนั้น ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเลขาธิการใหญ่คณะกรรมาธิการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนจนถึงปี 1929
ฤดูร้อนปี 1929… เติ้งเสี่ยวผิงเป็นตัวแทนของคณะกรรมาธิการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน นำการปฏิวัติในมณฑลกว่างซี หรือ Guangxi… โดยใช้ชื่อว่าเติ้งปิน
ฤดูร้อนปี 1931 ย้ายไปยังฐานที่มั่นของพรรคคอมมิวนิสต์ในมณฑลเจียงซี หรือ Jiangxi… เป็นเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำอำเภอรุ่ยจิน และ ศูนย์ฮุ่ยชั่ง และได้รับการแต่งตั้งเป็นหัวหน้าหน่วยเผยแพร่อุดมการณ์ ของมณฑลเจียงซี ก่อนจะถูกพวกซ้ายจัดถอดออกจากตำแหน่ง… แต่ต่อมาก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเลขาธิการใหญ่องค์การบริหารส่วนกลางในกองทัพแดง และบรรณาธิการของ “หนังสือพิมพ์หงซิง หรือหนังสือพิมพ์ดาวแดง” ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ขององค์การบริหารส่วนกลาง
เดือนตุลาคม 1934… เติ้งเสี่ยวผิงได้เข้าร่วมเดินทางหมื่นลี้ ปลายปีเดียวกันจึงได้ขึ้นเป็นเลขาธิการคณะกรรมาธิการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน… และในคราวที่ เหมาเจ๋อตง ขึ้นเป็นผู้นำคณะรัฐบาลกลางอย่างเป็นทางการในเดือนมกราคมปี 1935… เติ้งเสี่ยวผิงได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าหน่วยเผยแพร่อุดมการณ์ของฝ่ายบริหารประจำกองทัพแดงที่ 1 รองหัวหน้าและหัวหน้าฝ่ายบริหาร ตามลำดับ
เมื่อสงครามต่อต้านญี่ปุ่นเริ่มขึ้น… เติ้งเสี่ยวผิงรับหน้าที่เป็นรองหัวหน้าฝ่ายบริหารของกองทัพปลดปล่อยประชาชนที่ 8… ก่อนจะถูกแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ในภาคเหนือในปี 1943… และสองปีต่อมา ในที่ประชุมผู้แทนพรรคคอมมิวนิสต์จีนทั่วประเทศครั้งที่ 7 ก็ได้เลือกเติ้งเสี่ยวผิงให้เป็นกรรมการกลางในปี 1945
ระหว่างสงครามปลดปล่อยประชาชน… เติ้งเสี่ยวผิงร่วมรบในสมรภูมิบนที่ราบจงหยวน ซึ่งได้แก่ พื้นที่ใต้เขตแม่น้ำหวงเหอ หรือ แม่น้ำเหลือง มณฑลเหอหนัน ตะวันตกของมณฑลซันตง และภาคใต้ของมณฑลเหอเป่ยและซันซี เป็นกรรมาธิการฝ่ายบริหารสนามรบที่ 2 เลขาธิการของรัฐบาลกลางเขตจงหยวนและหัวตง
เดือนกรกฎาคม 1952… เติ้งเสี่ยวผิง ได้เข้ากลับเข้ามาทำงานที่ส่วนกลาง และได้ดำรงตำแหน่งสำคัญๆในรัฐบาล เช่น เป็นรองนายกรัฐมนตรี… เป็นรองประธานคณะกรรมาธิการการคลัง ต่อมาเป็นรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง ปี 1954 ดำรงตำแหน่งเป็นเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ รองนายกรัฐมนตรี รองประธานกรรมาธิการฝ่ายป้องกันประเทศ ในการประชุมคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนชุดที่ 8 ครั้งที่ 1 ได้รับเลือกให้เป็นกรรมการประจำฝ่ายบริหารคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์ และเลขาธิการใหญ่คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์
ปี 1959 เติ้งเสี่ยวผิง เป็นกรรมการประจำคณะกรรมการกลางการทหารพรรคคอมมิวนิสต์ ระหว่างที่ดำรงตำแหน่งเลขาธิการใหญ่พรรคมิวนิสต์เป็นเวลา 10 ปี มีบทบาทสำคัญในการวางรากฐานและพัฒนาระบบสังคมนิยมตามแนวที่เหมาะสมกับประเทศจีน
ระหว่างปี 1956 – 1963 เติ้งเสี่ยวผิง เดินทางไปเยือนมอสโคหลายครั้ง เพื่อพบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้นำอดีตสหภาพโซเวียตในขณะนั้น โดยแสดงจุดยืนที่ชัดเจนในความเป็นอิสระด้านการบริหารของพรรคคอมมิวนิสต์จีน
ปี 1966 การปฏิวัติวัฒนธรรมก็ระเบิดขึ้น… เติ้งเสี่ยวผิงประสบกับมรสุมทางการเมือง ถูกปลดออกจากตำแหน่งผู้นำทางการเมืองทั้งหมด และได้รับคำสั่งให้ไปทำงานในโรงงานผลิตรถแทรกเตอร์ในมณฑลเจียงซี
มีนาคม 1973… จึงได้กลับมาดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง… และเมษายน 1974 ได้เป็นผู้แทนรัฐบาลจีนในการประชุมวิสามัญสมัยที่ 6 ขององค์การสหประชาชาติ… และมกราคม 1975 ดำรงตำแหน่งรองประธานพรรคคอมมิวนิสต์ รองนายกรัฐมนตรี รองประธานคณะกรรมการกลางการทหาร และหัวหน้าเสนาธิการกองทัพปลดแอกประชาชน
เมื่อ โจวเอินไหล นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นป่วยหนัก… เติ้งเสี่ยวผิง ภายใต้การสนับสนุนของผู้นำ เหมาเจ๋อตง รับหน้าที่ฟื้นฟูประเทศจากความเสียหายที่เกิดจากการดำเนินนโยบายที่ผิดพลาด ในช่วงปฏิวัติวัฒนธรรม ซึ่งประชาชนชาวจีนในขณะนั้น ให้ความร่วมมืออย่างมาก ทำให้ได้รับผลสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ แต่ต่อมาก็ถูกใส่ร้ายป้ายสี จนต้องออกจากตำแหน่งทุกตำแหน่งในเดือนเมษายน ปี 1976 เป็นครั้งที่ 2
เดือนกรกฎาคม 1977… ที่ประชุมคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนชุดที่ 10 เต็มคณะครั้งที่ 3 มีมติให้ เติ้งเสี่ยวผิง กลับเข้ามาดำรงตำแหน่งผู้นำในรัฐบาลอีกครั้ง… สิงหาคม 1977 ในที่ประชุมผู้แทนพรรคคอมมิวนิสต์จีนทั่วประเทศครั้งที่ 11… เติ้งเสี่ยวผิง ได้รับการแต่งตั้งเป็นรองประธานพรรคคอมมิวนิสต์
เดือนมีนาคม 1978 เติ้งเสี่ยวผิง ได้รับเลือกเป็นประธานสภาที่ปรึกษาทางการเมือง และเสนอให้มีการทบทวนนโยบายที่ผิดพลาดในอดีต และโดยให้พรรคหันมามุ่งเน้นเรื่องการพัฒนาเศรษฐกิจเป็นหลัก
ธันวาคม 1978 ในการประชุมคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนชุดที่ 11 เต็มคณะครั้งที่ 3… จึงเป็นการเปิดศักราชใหม่ของประเทศ ทั้งในด้านการปฎิรูประบบเศรษฐกิจและการพัฒนาระบอบสังคมนิยมพิเศษหรือสังคมนิยมประชาธิปไตยแบบจำเพาะของจีน ภายใต้การนำของคณะกรรมการบริหารพรรครุ่นที่สอง ซึ่งมีเติ้งเสี่ยวผิงเป็นแกนนำ
กลางปี 1981 ที่ประชุมคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนชุดที่ 11 เต็มคณะครั้งที่ 6 “ได้มีการทบทวนแนวคิดของเหมาเจ๋อตงตามหลักเหตุผล และมีมติให้คงไว้ซึ่งความสำคัญของอดีตผู้นำเหมาในทางประวัติศาสตร์” ในการประชุมครั้งนั้น เติ้งเสี่ยวผิงได้รับเลือกให้เป็นประธานคณะกรรมการกลางการทหาร
พฤศจิกายน 1989 ที่ประชุมคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนชุดที่ 13 เต็มคณะครั้งที่ 5 เติ้งเสี่ยวผิง ได้ลาออกจากตำแหน่งประธานคณะกรรมการกลางการทหาร และส่งมอบตำแหน่งผู้นำประเทศแก่ เจียงเจ๋อหมิน ผู้นำประเทศรุ่นที่ 3
แม้จะพ้นจากตำแหน่งผู้นำสูงสุดแล้วก็ตาม แต่เติ้งเสี่ยวผิง ก็ยังคงทำงานเพื่อประเทศชาติอย่างต่อเนื่อง เช่นในปี 1992 ได้เดินไปแสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับการพัฒนาเศรษฐกิจ หลังจากจีนปฏิรูประบบเศรษฐกิจใหม่ ตามเมืองต่างๆ ทางใต้ เช่น อู๋ซาง จูไห่ เซี่ยงไฮ้ เซินเจิ้น… ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของจีนในหลายๆ ด้าน
คำพูดที่โด่งดังที่สุดของเติ้งเสี่ยวผิง ที่สะท้อนวิธีคิดและมุมมองที่ว่า… 不管白猫黑猫,会抓老鼠就是好猫… อ่านว่า ปู้ก่วนไป๋เมาเฮยเมา, ฮุ่ยจัวเหลาสู่จิ้วซื่อห่าวเมา… แปลว่า ไม่ว่าแมวขาวหรือแมวดำ ขอเพียงจับหนูได้ก็คือแมวที่ดี… ซึ่งเติ้งเสี่ยวผิง ยืนยันแนวทางพัฒนาชาติด้วยการตลาดทุนนิยม ซึ่งเป็นแมวดำสำหรับมาร์กซิสม์ จนเติ้งเสี่ยวผิงถูกระแวงในความจงรักภักดีต่อพรรคคอมมิวนิสต์หลายครั้ง… แต่สุดท้าย จีนกลายเป็นมหาอำนาจถึงขั้นขึ้นไปจองที่ดินบนดวงจันทร์เสมอไหล่ชาติตะวันตกได้ ก็เพราะเติ้งเสี่ยวผิงยืนยันใช้แมวทุกสี ทำประโยชน์ให้สูงสุด
ปี 1997 ที่ประชุมผู้แทนพรรคคอมมิวนิสต์จีนทั่วประเทศ ครั้งที่ 15 ได้มีมติให้ระบอบสังคมนิยมประชาธิปไตยแบบจีนเป็น ‘ทฤษฎีเติ้งเสี่ยวผิง’ ที่มีคุณค่าต่อพรรคคอมมิวนิสต์และประเทศชาติ… ทั้งๆ ที่เติ้งเสี่ยวผิง ไม่เคยแตะเก้าอี้ผู้นำสูงสุดของจีนเลยชั่วชีวิต
วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 1997… เติ้งเสี่ยวผิง ในวัย 93 ปี ถึงแก่อนิจกรรมอย่างสงบ ในกรุงปักกิ่ง แม้ว่า เติ้งเสี่ยวผิง จะไม่เคยดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี หรือ นายกรัฐมนตรีเลย ตลอดชั่วชีวิตทางการเมืองของท่าน ทว่าภารกิจที่ท่านรับผิดชอบต่อการบริหารประเทศนั้นยิ่งใหญ่ยิ่งกว่าตำแหน่งทางการเมืองใดๆ คุณูปการทั้งหลายที่ท่านได้กระทำไว้แก่ประเทศชาติและประชาชน… แนวคิดในการพัฒนาประเทศที่ตกทอดมาสู่ผู้นำรุ่นหลังของจีน ทำให้ เติ้งเสี่ยวผิง ได้ชื่อว่า… เป็นนักปกครองผู้นำความมั่งคั่งมาสู่ชีวิตชาวจีนในวันนี้
ส่งท้ายด้วยคำคมจากปากชายผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งในประวัติศาสตร์จีนที่ว่า… 尊重知识,尊重人才… อ่านว่า จุนจ้งจือซือ จุนจ้งเหรินไฉ… เคารพความรู้ เคารพความสามารถของบุคคล… ด้วยความเคารพ คอมมิวนิสต์หัวใจทุนนิยมผู้ยิ่งใหญ่… เติ้งเสี่ยวผิง

อ้างอิง