Cultured Meat เป็นชื่อเรียกเนื้อสัตว์ที่ได้จากการนำสเต็มเซลล์ของสัตว์ต้นแบบ มาเพาะเลี้ยงในปฏิกรณ์ชีวภาพ หรือ Bioreactor ในอุณหภูมิที่เหมาะสมด้วย Culture Medium หรืออาหารเลี้ยงเชื้อที่ใช้ในห้องปฏิบัติการ ซึ่งมีสารอาหารจำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตของสเต็มเชลล์ ซึ่งสเต็มเชลล์ต้นแบบจากเนื้อหมูไก่และปลาทูน่า ก็ต้องการสูตรอาหารเลี้ยงเชื้อต่างกันออกไป… และผลผลิตที่ได้จะมีคุณสมบัติเป็นเนื้อสัตว์ตามต้นแบบสเต็มเซลล์นั่นเอง
โลกได้เห็น Cultured Meat ครั้งแรกเมื่อปี 2013 โดยทีมนักวิทยาศาสตร์ของ Maastricht University ประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งวันนั้นต้นทุนเนื้อแฮมเบอเกอร์ที่เอามาโชว์ราคากิโลกรัมละ 478,993 ดอลลาร์สหรัฐ… ก็ราวๆ 15 ล้านบาทน่าจะมีทอนเล็กน้อย
แต่ปัจจุบัน… มีธุรกิจที่ตั้งขึ้นเพื่อผลิต C Meat หรือ Cultured Meat มากมาย โดยเฉพาะ Mosa Meat ที่ก่อตั้งโดย Professor Dr.Mark Post นายแพทย์และนักวิทยาศาสตร์ในโครงการ Cultured Meat จาก Maastricht University คนสำคัญนั่นเอง… ก่อนหน้านั้น Professor Dr.Mark Post เคยได้ทุนสนับสนุนจากรัฐบาลเนเธอแลนด์ในโครงการ In Vitro Meat ในปี 2008 ในระหว่างดำรงค์ตำแหน่งศาสตราจารย์และผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้อเยื่อหรือ วิศวกรรมเนื้อเยื่อ หรือ Tissue Engineering ที่ Eindhoven University of Technology ซึ่งเป็นโครงการที่ได้ทุนสนับสนุนจากนักลงทุนและผู้ประกอบการที่ใฝ่ฝันจะผลิต Cultured Meat มายาวนานชื่อ Willem van Eelen ผู้ได้รับการยกย่องให้เป็นบิดาของ Cultured Meat… Professor Dr.Mark Post มาสานต่อโครงการจนประสบความสำเร็จในปี 2013 ก่อนการจากไปของ Willem van Eelen ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ปี 2015 ด้วยวัย 92 ปี
(4 juli 1923 – 24 februari 2015)
Mark Post และ Peter Verstrate แห่ง Mosa Meat ถือว่าเป็นนักวิทยาศาสตร์กลุ่มแรกที่ประสบความสำเร็จจากการทำเนื้อสังเคราะห์ที่เป็นเนื้อ ซึ่งต่างจากเนื้อ Plant-based Meat ของ Beyond Meat ที่ทำจากโปรตีนถั่วลันเตาและโปรตีนพืชชนิดต่างๆ… ซึ่งต้นทุนของ Mosa Meat ในปัจจุบันก็ลดลงอย่างมาก ซึ่ง Mosa Meat ตั้งเป้าจะขายเนื้อแฮมเบอเกอร์ชิ้นละ 2 ดอลลาร์สหรัฐให้ได้ในปี 2023
นอกจากนั้น Memphis Meats และ Aleph Farms ก็ผลิตเนื้อ C Meat ได้แล้วเช่นกัน แม้ว่าจะมีต้นทุนที่สูงหลายสิบดอลลาร์สหรัฐในปัจจุบัน แต่หลายฝ่ายเชื่อว่าอีกไม่นานต้นทุน C Meat จะถูกลงจนไปอยู่ในตู้เย็นตามครัวเรือนได้… ส่วนสตาร์ทอัพอย่าง JUST Inc ก็กำลังพยายามทำเนื้อไก่จากสเต็มเซลล์ไก่ และยังมีเนื้อปลาสังเคราะห์ที่เพาะจากสเต็มเซลล์ของปลาโดยทีมสตาร์ทอัพชื่อ Finless Foods ด้วย
ผมเอาแนวโน้มวัตถุดิบอาหารสำคัญอย่างเนื้อสัตว์ ที่เทคนิคการทำตลาดของธุรกิจเนื้อเทียมทุกรูปแบบเทคโนโลยีในอนาคตอันใกล้นี้ คือการโจมตีอาหารจากปศุสัตว์ว่าทำลายสิ่งแวดล้อมและเบียดเบียนชีวิต ที่ธุรกิจอาหารน้อยใหญ่จะต้องตามให้ทัน… ถึงแม้ว่าหลายท่านยังไม่เชื่อว่าเนื้อสัตว์สังเคราะห์เหล่านี้จะมาแทนเนื้อสัตว์จริงๆ ที่บรรพบุรุษตั้งแต่ยุคถ้ำ กินกันมาจนปัจจุบัน…
แต่สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้คือ… เนื้อสังเคราะห์เหล่านี้ คือเทคโนโลยีอาหาร เหมือนครีมเทียมใส่เครื่องดื่ม เม็ดชามุก โปรตีนเกษตร น้ำผลไม้จากกล่องและอะไรอีกมากมายที่หมายถึงการแปรรูปวัตถุดิบอาหารไปเป็นอาหารเช่นกัน
ที่เหลือก็สุดแต่มุมมองของแต่ละท่านแล้วครับว่า… จะเลือกเชื่อสิ่งไหนและอย่างไร!
อ้างอิง