Credit Suisse… ธนาคารเครดิตสวิส 

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 16 มีนาคม 2023 ที่ผ่านมา… สำนักข่างหลายแห่งได้รายงานถึงความโกลาหลเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับธนาคารยักษ์ใหญ่ของสวิสเซอร์แลนด์อย่าง Credit Suisse ซึ่งคณะรัฐมนตรีแห่งรัฐทั้ง 7 คน ได้มีการประชุมวาระพิเศษล่วงหน้า 1 วัน ก่อนการประชุมปกติในวันศุกร์ถัดมา… ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตการเงินการธนาคารที่ทำท่าจะลุกลามจากสหรัฐอเมริกาไปถึงสถาบันการเงิน และ ระบบธนาคารของอีกหลายประเทศ ที่ได้รับผลกระทบจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ หรือ FED มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2022… เพราะดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นทุกเซนต์ได้กลายเป็นภาระของธนาคารหลายแห่งที่ถือเงินลูกค้าไว้ จนได้เห็นการขาดสภาพคล่องขั้นล้มละลายของธนาคารในสหรัฐอเมริกาอย่าง Silvergate Bank กับ SVB หรือ Silicon Valley Bank และ Signature Bank ที่ล้มลงในเดือนมีนาคม 2023… ก่อนจะตามมาด้วยธนาคารยักษ์ใหญ่จากสวิสเซอร์แลนด์อย่าง Credit Suisse ที่พอร์ตลงทุนส่วนใหญ่อยู่ในสหรัฐอเมริกาประกาศจะกู้เงิน 50,000 ล้านฟรังก์สวิส หรือราว 1.8 ล้านล้านบาท จากธนาคารกลางสวิสเพื่อเสริมสภาพคล่อง… ซึ่ง Credit Suisse ถือเป็นธนาคารขนาดใหญ่ที่ล้มเมื่อไหร่ก็จะเกิดผลกระทบตามมาอย่างมาก… แต่สัญญาณวิกฤตธนาคารรอบใหม่ที่ “อาจจะ” ลุกลามเป็นวิกฤตระดับโลกได้ก่อตัวให้เห็นแล้ว

ความเห็นของคุณวรวรรณ ธาราภูมิ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์บัวหลวง ซึ่งเผยแพร่ผ่านเฟซบุ๊กในหัวข้อ “Credit suisse !” เอาไว้ยาวเหยียดว่า… 

วานนี้ (15 มีนาคม 2566) หุ้น CSGN ของธนาคารเครดิตสวิส (Credit Suisse) ในตลาดหลักทรัพย์สวิตเซอร์แลนด์ ร่วงลง 30% แตะระดับต่ำสุดเท่าที่เคยมีมา (all-time low) ที่ราคา 1.56 ฟรังก์สวิสต่อหุ้น ณ เวลาสวิส 14.30 น. แล้วขึ้นไปปิดที่ 1.70 ฟรังก์สวิส หรือลดลง 24.24% ส่งผลให้หุ้นธนาคารต่างๆ ในตลาดหุ้นยุโรปดิ่งลงไปโดยเฉลี่ย 7% ลามไปถึงตลาดหุ้นสหรัฐฯ และของประเทศอื่นๆ

การเทขายหุ้นนี้เป็นผลมาจากการที่แบงก์ชาติซาอุฯ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของธนาคารเครดิตสวิสบอกว่าจะไม่เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นเพื่อช่วยเหลือทางการเงินแก่เครดิตสวิสอีกแล้ว

ความวัวยังไม่ทันหาย ความควายก็เข้ามาแทรก … หลังจากที่โลกกำลังจับตามองการล้มของ 3 ธนาคารในสหรัฐฯ นำโดย SVB … พอเหตุการณ์จะคลี่คลายขึ้นมาบ้าง ก็เกิดเรื่องกับเครดิตสวิสในยุโรปขึ้นมาซะอีก

ที่จริงนั้นเครดิตสวิสมีปัญหามาตั้งแต่ก่อนหน้านี้ปีมะโว้ และคนในวงการก็รู้ๆ กันอยู่แล้วว่าปัญหาที่เกิดขึ้นในสหรัฐฯ อาจส่งผลกระทบได้ จึงไม่น่าตกใจนัก

แต่นักลงทุนมองว่าด้วยความใหญ่ของเครดิตสวิส (ที่มีสินทรัพย์กว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ ในขณะที่เลห์แมน บราเธอร์ส ตอนจะล้มในปี 2008 มีขนาดสินทรัพย์เพียง 6 แสนล้านดอลลาร์) จะเป็นปัญหาระดับโลก และคาดว่าธนาคารอื่นๆ จะมีปัญหาตามมาอีก

ทั้งนี้ ในปีที่ผ่านมา Credit Suisse ได้เสียหายอย่างหนักถึง 2 ครั้งจากการเข้าลงทุนในบริษัท Greensil 3.8 แสนล้านบาท รวมถึงไปปล่อยกู้ให้กับ Archegos Capital Management สูงถึง 1.1 ล้านล้านบาท แล้วทั้งสองแห่งนี้ต่างก็ล้มละลายทั้งคู่ ทำให้ Credit Suisse ขาดทุนติดต่อกันแล้วหลายไตรมาส ทำให้แบงก์นี้อยู่ในสถานะง่อนแง่น คนจะปล่อยกู้ให้ก็กลัวไม่ได้เงินคืน คนจะเพิ่มทุนให้ก็ไม่อยากทำการกุศลอีกแล้ว

ด้วยความกลัว นักลงทุนจึงสวมใส่ “หลวงพ่อโกย วัดหน้าตั้ง” เผ่นหนีไฟไปตามระเบียบ เทขายหุ้น (ไม่จำกัดเฉพาะหุ้นธนาคารเครดิตสวิส) แล้วหันไปหลบภัยด้วยการซื้อพันธบัตรรัฐบาลแทน ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นยุโรปล่าสุดร่วงลงไป 2% ขณะที่ดัชนี S&P 500 ในสหรัฐร่วง 1.3% และทำให้ราคาพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้นของเยอรมนีพุ่งสูงขึ้น (เพราะแย่งกันซื้อเพื่อหลบภัยก่อน) ส่งผลให้ผลตอบแทนลดลงกว่า 0.40%

แต่การที่เครดิตสวิสมีขนาดงบดุลใหญ่กว่า Silicon Valley Bank มากนัก และยังเชื่อมโยงไปทั่วโลก จึงทำให้วิตกกันว่า “นี่คือจุดเริ่มต้นของวิกฤตการณ์ระดับโลกอีกครั้ง ใช่หรือไม่”

ทั้งนี้ จะแก้ปัญหาได้เร็วหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง ที่จะต้องตัดสินวิธีแก้ปัญหาอย่างรวดเร็ว รอบคอบ และเด็ดขาด

ล่าสุดในวินาทีนี้ แบงก์ชาติสวิสบอกว่าพร้อมจะให้ความช่วยเหลือแล้ว แต่จะออกมาเป็นอย่างไรขอให้ติดตามกันเองไปเลย เดี๋ยวก็จะมีสำนักข่าวและนักวิเคราะห์ทั้งหลายช่วยกันมาให้ข้อมูลเพิ่มเติม ส่วนข้าพเจ้าขอไปนอนซัก 1-2 ชั่วโมงก่อน (อดนอนยังไงไม่รู้ ตัวบวมทำน้ำหนักนิวไฮได้ทุกวัน)

Credit Suisse หรือ ธนาคารเครดิตสวิส… ก่อตั้งโดย Alfred Escher เมื่อปี 1856 หรือ มีอายุกว่า 167 ปี มีขนาดสินทรัพย์ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของสวิตเซอร์แลนด์ รองจากธนาคาร UBS โดยมีสำนักงานใหญ่ในเมืองซูริค… Credit Suisse เป็นสถาบันการเงินทรงอิทธิพลอันดับต้นๆ ต่อระบบการเงินโลกที่ได้ชื่อว่าเป็น “ธนาคารแห่งธนาคาร” เพราะเชื่อมโยงลูกค้าสถาบัน และ เงินทุนมหาศาลในยุโรป สหรัฐ  ตะวันออกกลาง และ เอเชีย… รายงานสินทรัพย์งวดบัญชี ปี 2022 มีสินทรัพย์กว่า 531,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

References…

Share this post

Add Properea's Friend

เพิ่ม Properea.com เป็นเพื่อนทาง Line
ท่านจะได้ Link บทความใหม่ส่งตรงให้อย่างสม่ำเสมอโดยรบกวนแต่น้อย

Related Post

Workstation

WorkStation Cabin… ออฟฟิศในสวน

สภาพแวดล้อมที่เหมาะกับการทำงานออนไลน์… ไม่ได้มีทุกที่ หรือมีเยอะ หนักสุดก็คือ… มีเหมือนไม่มี ซึ่งบ้านของหลายๆ คนก็เป็นแบบนั้นคือ เป็นบ้านที่พอทำงานฉุกเฉินได้ แต่การจะหาสิ่งอำนวยความสะดวกสูงสุดเช่น โต๊ะเก้าอี้ แอร์และอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง

complementary alternative medicine

เพชรบุรีโมเดลและการแพทย์ทางร่วม กับอนาคตพืชสมุนไพร…

ปัจจุบันมีคลีนิคแพทย์แผนไทย 6,000 คลินิค และ แพทย์แผนไทยกว่า 30,000 คน รวมทั้งศูนย์ฮ็อทไลน์แพทย์แผนไทยในทุกภูมิภาค… รวมทั้ง คลีนิคจิตอาสาแพทย์แผนไทยอีก 60 แห่ง… พร้อใคลังยาสมุนไพร และ ตำรับยาไทยของสภาการแพทย์แผนไทยที่พร้อมให้การสนับสนุน

virus economic

เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวแบบ Nike Shape

ประเทศไทยไม่มีความจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจาก IMF เหมือนวิกฤติต้มยำกุ้งอีก… เนื่องจากไทยยังมีพื้นฐานเศรษฐกิจที่แข็งแรง แม้ว่าภาคเศรษฐกิจจริงจะโดนกระทบแรงไม่แพ้ปี 2540 และมีกันชนเศรษฐกิจมหภาคค่อนข้างแรงแรง มีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศระดับสูง และไทยไม่ได้พึ่งพิงเงินกู้จากต่างประเทศ

financial stability

คาดการณ์เศรษฐกิจไทยจาก World Bank

เศรษฐกิจไทยยังได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่ถดถอย ซึ่งทำให้การค้าโลกหดตัวกระทบต่อการส่งออกของไทย และกระทบต่อภาคการผลิต… โดยเฉพาะกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และยานยนต์ ขณะที่มาตรการควบคุมการเดินทางเพื่อเฝ้าระวังโรคระบาด… ส่งผลกระทบต่อภาคบริการ ภาคค้าปลีก สะท้อนจากยอดขายสินค้าคงทนที่ลดใกล้ 12% ในช่วงไตรมาสแรกของปี และยังส่งผลกระทบภาคการท่องเที่ยว สะเทือนถึงรายได้และสวัสดิการของครัวเรือน ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ด้วยตัวเลขคนตกงานเพิ่มขึ้นเป็น 8.3 ล้านคน