30 สิงหาคม ปี 2021 ที่ผ่านมา… EIC หรือ Economic Intelligence Center ในเครือธนาคารไทยพาณิชย์ได้ออกรายงานเรื่อง ส่องอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยช่วงที่เหลือของปี 2021และแนวโน้มปี 2022 เผยแพร่บนเวบไซต์หลักของ EIC โดยเปิดเผยข้อมูลเชิงสถิติวิเคราะห์จากคุณกัญญารัตน์ กาญจนวิสุทธิ์ นักวิเคราะห์อาวุโสประจำ EIC ซึ่งมีข้อมูลฝั่งอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยหลายประการที่น่าสนใจครับ
โดยข้อมูลครึ่งแรกของปี 2021 มูลค่าการก่อสร้างภาครัฐมีการขยายตัวอยู่ที่ 17%YTD… แต่คำสั่งปิดแคมป์คนงานก่อสร้างในเดือนกรกฎาคม ปี 2021 ที่ผ่านมา เพื่อลดความเสี่ยงจากโควิดระบาดในแคมป์คนงานก่อสร้างภายใต้มาตรการ Bubble and Seal อาจทำให้การก่อสร้างในระยะข้างหน้าล่าช้าออกไป และส่งผลให้มูลค่าการก่อสร้างภาครัฐในช่วงครึ่งหลังของปี มีแนวโน้มชะลอตัวลง
EIC คาดว่า… มูลค่าการก่อสร้างภาครัฐในปี 2021 จะอยู่ที่ราว 806,000 ล้านบาท โดยประเมินการเพิ่มขึ้น +6%YoY… สำหรับปี 2022 มูลค่าการก่อสร้างภาครัฐมีแนวโน้มขยายตัว 6%YoY เช่นกัน โดยเป็นการขยายตัวจากความคืบหน้าของโครงการเมกะโปรเจกต์ ที่ก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเริ่มก่อสร้างโครงการใหม่ๆ ทั้งโครงการขยายเส้นทางรถไฟฟ้า รถไฟทางคู่ รถไฟความเร็วสูง โครงการขยายสนามบิน และโครงการทางถนน
สำหรับการก่อสร้างภาคเอกชน… EIC คาดว่ายังมีทิศทางชะลอตัวตามการหดตัวอย่างต่อเนื่องของภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยมูลค่าการก่อสร้างภาคเอกชนในปี 2021 อยู่ที่ราว 514,000 ล้านบาท โดยประเมินติดลบที่ -7%YoY… และในปี 2022 มูลค่าการก่อสร้างภาคเอกชนจะยังมีแนวโน้มทรงตัว เนื่องจากยังเผชิญความท้าทายจากภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ฟื้นตัวได้ช้า
ในปี 2022 ผู้ประกอบการมีแนวโน้มปรับกลยุทธ์รับงานก่อสร้างภาครัฐมากขึ้น ท่ามกลางการฟื้นตัวได้ช้าของภาคอสังหาริมทรัพย์ อีกทั้ง ยังต้องเผชิญภาวะต้นทุนเหล็กแพง และ ค่าจ้างแรงงานที่อยู่ในระดับสูง โดยราคาเหล็กจีนที่ยังมีแนวโน้มอยู่ในระดับสูง ส่งผลให้ราคาเหล็กไทยจะยังอยู่ในระดับสูงตามไปด้วย รวมถึงคำสั่งปิดแคมป์คนงานก่อสร้างในเดือนกรกฎาคม 2021 ที่ผ่านมา ส่งผลให้แรงงานออกจากกรุงเทพฯ และปริมณฑล และยังไม่กลับเข้าพื้นที่ได้ทั้งหมด… โดยภาวะขาดแคลนแรงงาน และต้นทุนแรงงานที่พุ่งสูงขึ้น อาจลากยาวไปถึงปี 2022
ความท้าทายสำคัญสำหรับการเติบโตของภาคก่อสร้างในระยะต่อไป ก็คือ การเพิ่มผลิตภาพ หรือ Productivity ซึ่งในปัจจุบัน “ยังไม่สามารถปรับตัวให้ดีขึ้นจากอดีตได้มากนัก” นอกจากนี้ ค่าจ้างแรงงานพื้นฐานที่อยู่ในระดับต่ำ ทำให้ภาคก่อสร้างเผชิญสถานการณ์การไหลออกของแรงงานไปยังภาคธุรกิจอื่นๆ ประกอบกับสัดส่วนแรงงานอายุน้อยในภาคก่อสร้างที่ค่อยๆ ลดลง จากเทรนด์การเข้าสู่สังคมสูงอายุ ท่ามกลางความต้องการใช้แรงงานพื้นฐานอย่างเข้มข้น ทำให้ภาคก่อสร้างยังต้องพึ่งพาแรงงานต่างด้าวจำนวนมาก
EIC มองว่า… การนำเทคโนโลยีก่อสร้างมาใช้อย่างแพร่หลาย จะช่วยเพิ่ม Productivity โดยผู้ประกอบการขนาดใหญ่และกลาง อาจขยายการใช้เทคโนโลยีจากที่ใช้เฉพาะ Prefabrication… Modular… BIM และ ERP ไปสู่การใช้เทคโนโลยีตลอด Supply Chain… ตั้งแต่จัดหาวัสดุก่อสร้าง สำรวจพื้นที่ ส่งมอบงาน ไปจนถึงบริการดูแลรักษาระบบ
ในขณะที่ผู้ประกอบการขนาดเล็กอาจเริ่มต้นจากการใช้ BIM และ ERP ก่อน โดยจะสามารถลดการใช้แรงงานพื้นฐาน ส่งผลให้ผู้ประกอบการสามารถ Upskill แรงงานพื้นฐานให้ไปทำงานที่ทักษะสูงขึ้น ทั้งงานควบคุมเทคโนโลยี และ งานที่ใช้ฝีมือ ซึ่งจะนำไปสู่การยกระดับ Productivity แรงงาน และเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานของผู้ประกอบการในระยะยาว
ผมลอกบทสรุปมาทั้งดุ้น เพราะที่คุณกัญญารัตน์ กาญจนวิสุทธิ์ท่านเขียนสรุปไว้ “อ่านง่ายเข้าใจชัด” แตกต่างจากบทสรุปงานวิจัยทั่วไปอย่างน่ายกย่องอยู่แล้ว… ส่วนมิตรสหายสายก่อสร้างที่ต้องใช้ตัวเลขสถิติไปใช้ต่ออย่างจริงจัง สามารถ Download ได้ที่นี่ครับ
References…