คำว่า Hard Fork ในอุตสาหกรรมซอฟท์แวร์ โดยเฉพาะในวงการ Blockchain จะหมายถึงการ Upgrade ครั้งใหญ่ โดยจะทำสำเนาข้อมูลที่ถูกบันทึกลงบล็อกเชนย้อนหลังทั้งหมด มาใช้ตั้งต้นเพื่อบันทึกบล็อกลำดับถัดไปด้วยโครงข่ายที่ถูกพัฒนาขึ้นใหม่ และ ทำให้บล็อกเชนโครงข่ายนั้นถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วนที่มีระบบ และ ฟังก์ชั่นต่างกันอย่างชัดเจน โดยยึด Hard Fork Upgrade เป็นระบบหลักในท้ายที่สุด … การทำ Hard Fork กับบล็อกเชนจึงเป็นเหมือนการออกระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นใหม่สำหรับข้อมูลในบล็อกเดิมตั้งแต่ Genesis Block จนถึงบล็อกสุดท้ายที่ถูกกำหนดให้แยกออกเป็นสองส่วน… ด้วยแนวทาง Hard Fork ที่ยังเก็บข้อมูลเอาไว้ได้ครบถ้วนนี่เองที่ทำให้ข้อมูลบนบล็อกเชนไม่มีวันสูญหายไปไหน
สำหรับโครงข่าย Smart Contract Blockchain ยอดนิยมอย่าง Cardano ซึ่งมีเทคโนโลยี และ แนวคิดอันโดดเด่นในการสร้าง และ ใช้งานบล็อกเชน ถึงขั้นได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในการเป็นส่วนหนึ่งของโครงข่ายอินเตอร์เน็ตบล็อกเชน หรือ WEB 3.0 ซึ่งชัดเจนแล้วว่าจะยังคงมีชื่อ Cardano อยู่ในอุตสาหกรรมบล็อกเชนไปอีกนาน จากโอกาส “ล้มเหลวเพราะปัจจัยที่คาดถึง” แทบจะไม่มีเลย
ล่าสุด… นักพัฒนาในเครือข่าย IOHK ซึ่งเป็นหน่วยวิจัยและวิศวกรรมของเครือข่าย Cardano และ Cardano Foundation ในฐานะองค์กรกำกับดูแลเครือข่าย Cardano ที่ขับเคลื่อนแบบไม่แสวงหากำไรแบบ DAO หรือ Decentralized Autonomous Organization ซึ่งเป็นต้นแบบ DAO ที่โครงข่ายบล็อกเชนรุ่นหลัง และ การใช้งาน DAO เชิงธรรมาภิบาลนอกบล็อกเชน ล้วนศึกษาอ้างอิง Cardano DAO หรือ ADA DAO หรือ ₳DAO… ได้ร่วมกันยืนยัน และ ร่วมดำเนินการเพื่อให้เกิด Hard Fork บนเครือข่าย Cardano ในวันที่ 22 กันยายน 2022 ภายใต้ CodeName: Vasil Hard Fork
Vasil Hard Fork เป็นการ Upgrade มุ่งเป้าการพัฒนาโครงข่ายครั้งสำคัญ 5 ประการ ซึ่งถูกออกแบบเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของโครงข่าย Cardano ให้เทียบเท่า หรือ เหนือกว่าบล็อกเชนคู่เปรียบเทียบอย่าง Ethereum ที่เพิ่งประสบความสำเร็จในการทำ Hard Fork ภายใต้ CodeName: The Merge ไปเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2022 ที่ผ่านมา… โดย Vasil Hard Fork ในครั้งนี้ประกอบไปด้วย
1. CIP-31 (Reference Inputs)
Cardano ตั้งเป้าที่จะนำเสนอ Input ประเภทใหม่ที่เรียกว่า Reference Input ซึ่งอนุญาตให้ผู้ใช้งานสามารถมองดู Output ได้โดยไม่ต้องดำเนินธุรกรรม เป้าหมายของ CIP-31 คือการอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้เข้าถึงข้อมูลที่ถูกเก็บไว้ในเครือข่าย โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการสูญเสียธุรกรรม หรือ การสร้างธุรกรรมที่ไม่ได้ใช้ หรือ Unspent Transaction Output หรือ UTXO และ ยังช่วยให้ DApps หลายตัวสามารถอ่านข้อมูลจาก Datum หรือ ชิ้นส่วนข้อมูล เดียวกัน ได้ในเวลาเดียวกัน
2. CIP-32 (Inline Datums)
Proposal CIP-32 มุ่งเป้าไปที่การอนุญาตให้สามารถแนบ Datum หรือ ชิ้นส่วนข้อมูล เช่น ข้อมูลสถิติ และ ตัวเลขไปกับ Output ได้โดยตรง แทนที่จะแนบไปกับ Hash ซึ่งเป็นกลไกการเข้ารหัสข้อมูล ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสื่อสารกับสคริปต์ได้ง่ายขึ้น และ เร็วขึ้นเพราะไม่ต้องรวมข้อมูล
3. CIP-33 (Reference Scripts)
โดยเป้าหมายของ Reference Scripts คือ การลดต้นทุนการทำธุรกรรมด้วยการอนุญาตให้ Reference Scripts สามารถแนบไปกับ Output โดยอนุญาตให้ใช้สคริปต์ดังกล่าวแนบติดไปได้ตลอดกระบวนการตรวจสอบ และ บันทึกธุรกรรมจนเสร็จสิ้น
4. CIP-40 (Collateral Outputs)
Proposal CIP-40 เป็นกลไกการประมวลผล และ บันทึกธุรกรรมแบบใหม่ในชื่อ Collateral Outputs โดยมีเป้าหมายในการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานโดยภาพรวมเพื่อการปรับขนาด หรือ Scaling ของเครือข่าย Cardano
5. Diffusion Pipelining
เป็นฟังก์ชั่นเพื่อการแบ่งปัน หรือ แชร์ข้อมูลบล็อกที่บันทึกใหม่ ซึ่งในทางเทคนิคจะทำให้ Cardano Blockchain มีความสามารถในการแบ่งปันข้อมูลข้ามโครงข่ายได้ไม่ต่างจากบริการ API ในระบบบริการข้อมูลทั่วไปที่มีการใช้อย่างแพร่หลายในยุค Social Internet หรือ WEB 2.0 โดย Diffusion Pipelining ของ Cardano Blockchain จะพร้อมแชร์ใน 5 วินาทีหลังการบันทึกบล็อกเสร็จเรียบร้อย
When is a hard fork not a hard fork?🍴
— Input Output (@InputOutputHK) September 22, 2022
What differentiates #Cardano’s hard fork events from other blockchain protocols?
🔱 These are the advantages of Cardano’s HFC technology👇 #VasilHardfork #CardanoVasil #Vasil pic.twitter.com/wIwaRyxU5N
ในขณะที่ผมเรียบเรียงบทความชิ้นนี้… การ Upgrade ตามกำหนด Cardano Vasil Hard Fork กำลังดำเนินไปอย่างเรียบร้อย และ มีกำหนดจะเสร็จสิ้นในวันที่ 27 กันยายน 2022…
โดยความเห็นส่วนตัวมองว่า… Vasil Hard Fork มีความน่าสนใจที่สคริปต์ภาษา Plutus ของ Cardano ซึ่งโดดเด่นกว่าเดิมด้วยแนวทางการเขียน Smart Contract ด้วยภาษา Plutus ที่เขียนโค้ดน้อยลงแต่ง่ายขึ้นมาก… ซึ่งดีกับการพัฒนา dApp ได้อย่างยืดหยุ่นกว่าเดิมมาก
References…