เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2565… คุณไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้แถลงถึงรายงานภาวะและแนวโน้มเศรษฐกิจไทยประจำไตรมาสที่ 1 ปี 2565 ของคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. ซึ่งเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม ที่ให้ กนง. ประเมินภาวะเศรษฐกิจและแนวโน้มของประเทศ และ รายงานที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเป็นรายไตรมาส โดย กนง. ระบุว่า… การดำเนินนโยบายการเงินของ กนง. ในช่วงไตรมาสที่ 1 ปี พ.ศ. 2565 มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ร้อยละ 0.5 โดยประเมินว่า…
เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องจากการฟื้นตัวของอุปสงค์ในประเทศ และ การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ส่วนมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียจะไม่กระทบต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในภาพรวม รวมทั้งโรคโควิด 19 สายพันธุ์โอไมครอนส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจน้อยกว่าระลอกก่อนหน้า
ทั้งนี้… กนง. ประเมินว่าการเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อมาจากความผันผวนของราคาสินค้าในระยะสั้น จึงสามารถมองผ่านได้ ซึ่งอัตราเงินเฟ้อที่ปรับสูงขึ้นเป็นผลจากปัจจัยด้านอุปทาน ส่วนอัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ในระยะปานกลางยังคงอยู่ในกรอบเป้าหมาย กนง. จึงเห็นควรให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจให้มีความต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม… กนง. คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยปี พ.ศ. 2565 จะปรับสูงขึ้นเกินกรอบเป้าหมายจากราคาพลังงานและต้นทุนในหมวดอาหารเป็นหลัก โดยจะทยอยลดลงและกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายในปี พ.ศ. 2566… ส่วนการประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจการเงินเพื่อประกอบการดำเนินนโยบายการเงินนั้น กนง. มองว่า…
ด้านเศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจประเทศคู่ค้าของไทยมีแนวโน้มขยายตัวในอัตราร้อยละ 3.6 ในปี พ.ศ. 2565 และ ร้อยละ 3.2 ในปี พ.ศ. 2566 ซึ่งเป็นการขยายตัวต่ำกว่าที่ประเมินไว้ เนื่องจากผลกระทบของมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียที่ส่งผลให้ราคาพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์โลกปรับตัวสูงขึ้น ส่วนอัตราเงินเฟ้อโลกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นสูงตามราคาพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์
ขณะที่ภาวะการเงินและเสถียรภาพระบบการเงินไทยนั้น ภาวะการเงินโดยรวมยังผ่อนคลาย แต่ตึงตัวขึ้นจากความผันผวนในตลาดการเงินโลกที่สูงขึ้น ขณะที่ต้นทุนการระดมทุนของภาคธุรกิจโดยรวมยังอยู่ในระดับต่ำทั้งในตลาดสินเชื่อ และ ตลาดตราสารหนี้ แต่ยังสามารถระดมทุนได้ต่อเนื่อง
ส่วนระบบการเงินโดยรวมมีเสถียรภาพ แต่ภาคครัวเรือน และ ภาคธุรกิจเปราะบางขึ้นในบางกลุ่มจากผลกระทบของโควิด 19… ค่าครองชีพ และ ต้นทุนที่สูงขึ้น ซึ่งสะท้อนจากสัดส่วนภาระหนี้ต่อรายได้ของครัวเรือนและธุรกิจที่ยังอยู่ในระดับสูง จึงควรผลักดันการปรับโครงสร้างหนี้อย่างยั่งยืนโดยคำนึงถึงความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ระยะยาว
สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อของไทยนั้น กนง. ระบุว่า… เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ 3.2 ในปี พ.ศ. 2565 ส่วนปี พ.ศ. 2566 มีแนวโน้มขยายตัวที่ร้อยละ 4.4 โดยมูลค่าการส่งออกสินค้าของไทยในปี พ.ศ. 2565 มีแนวโน้มขยายตัวที่ร้อยละ 7 และในปี พ.ศ. 2566 คาดว่าจะขยายตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ 1.5
จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี พ.ศ. 2565 คาดว่าจะอยู่ที่ 5.6 ล้านคน และ ปี พ.ศ. 2566 อยู่ที่ 19 ล้านคน ปรับลดลงจากประมาณการเดิม เนื่องจากนักท่องเที่ยวรัสเซียอาจไม่สามารถเดินทางมาท่องเที่ยวได้
ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี พ.ศ. 2565 คาดว่า… จะอยู่ที่ร้อยละ 4.9 และในปี พ.ศ. 2566 อยู่ที่ร้อยละ 1.7 โดยอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มสูงกว่าร้อยละ 5 ในช่วงไตรมาสที่ 2 คือเดือนเมษายน-มิถุนายน และ ไตรมาสที่ 3 เดือนกรกฎาคม-กันยายน ก่อนที่จะปรับลดลงในช่วงหลังของปี 2565 และกลับมาเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบเป้าหมายในช่วงต้นปี 2566 ซึ่งการเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อในช่วงไตรมาสที่ 2 และ 3 ของปี 2565 เป็นผลจากในช่วงเดียวกันของปี 2564 น้ำมันมีราคาต่ำและมีมาตรการบรรเทาค่าครองชีพของภาครัฐ จึงส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อเทียบปีต่อปีสูงขึ้นแม้ว่าระดับราคาไม่ได้ปรับเพิ่มขึ้นมาก
ตามนั้นครับ!!!
References…