ผมเป็นคนหนึ่งที่เริ่มเรียนเขียนแบบตั้งแต่ยุคโต๊ะเขียนแบบ ไม้ทีและปากกา Rotring เส้นบาง เส้นกลาง เส้นหนา… เหน็บเสื้อฉ๊อบเดินยืดไปทั่ว
พอเริ่มทำงานใหม่ๆ ซอฟต์แวร์ชื่อ AutoCAD ก็เข้ามาในชีวิต… จำได้ว่าตอนนั้นขวานขวายไปเรียนแถวสยามแสควร์แบบเร่งด่วน ต้องจ่ายค่าเรียนกับอาจารย์แบบตัวต่อตัว เพราะยังไม่มีใครนิยมเรียนกัน… นานตั้งแต่สมัยคอมพิวเตอร์ยังมี Drive A: ใช้บนพีซีโน่นแหละครับ
สุดท้าย AutoCAD ที่หมดเงินเรียนไปเยอะมากก็ไม่เคยได้ใช้ทำมาหากินกับใครเขา เพราะผมมาตกหลุมรักการเขียนโค้ด มากกว่าการเขียนแบบ
ที่จริงเรื่องนี้เป็นประเด็นการควานหาตัวตน Passion และ Careers Path ที่ผมโชคดีได้ลองหลายอย่างที่คิดว่าตัวเองชอบ จนเจอสิ่งที่ปลุกผมทุกเช้า มานั่งหมกมุ่นกับ “งาน” ได้ไม่รู้เบื่อ วันแล้ววันเล่า… วันนั้นผมเข้าใจว่า ตัวเองวิ่งเข้าหา AutoCAD, Lotus 123, Word Chula และ Page Maker เพราะอยากใช้ Skill ด้านใช้งานคอมพิวเตอร์ ไปทำงาน… สุดท้ายผมพบว่า ตัวเองหลงไหลคอมพิวเตอร์ลึกกว่านั้นมาก… แต่อะไรหลายอย่างก็ผ่านไปพอสมควร ทั้งเวลา หน้าที่และอื่นๆ อีกมากที่ชีวิตยังต้องทำในสิ่งที่ต้องทำต่อมาอีกหลายปี… แต่ผมก็เปลี่ยน Career Path มาถนนสาย Coding และภูมิใจว่าตัวเองทำได้ดีพอตัว แม้ไม่ได้เรียนมาโดยตรงจากสถาบันเจ๋งๆ เหมือนคนอื่น
กลับมาที่ AutoCAD… ทุกวันนี้ AutoCAD ไม่ได้เป็นซอฟต์แวร์ที่ผม “ต้องมี หรือต้องใช้” มานานแล้ว… แต่เวลาไปเจอเพื่อนตามสำนักงานของเหล่า Real Estate Developers ทั้งหลายที่เรียกผมไปใช้งานโน่นนี่… ผมเห็นทุกที่ยังใช้ AutoCAD เขียนแบบกันอยู่แม้ในปัจจุบัน
ย้อนไปราวปี 2015… ผมมีโอกาสได้ไปพบผู้บริหารบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังเป็นดาวรุ่งในวงการท่านหนึ่ง ประเด็นหนึ่งที่ผมถูกถามในวันนั้นคือ… ผมจะเอา Autodesk Revit มาทำงานแทน AutoCAD ดีมั๊ยพี่?
จำได้ว่าวันนั้นผมหัวเราะเสียงดังมาก และต่อท้ายด้วยการบอกเพื่อนไปตรงๆ ว่า… ผมไม่รู้จัก!
วันนั้นเองที่ผมได้ Update ข้อมูลของ Revit จากปากของคนที่อยากเจอผมเพื่อปรึกษา แม้ประเด็นปรึกษาหลักจะไม่ใช่เรื่อง Revit ก็เถอะ…
Autodesk Revit เป็นซอฟต์แวร์ช่วยออกแบบงานด้านอาคารโดยเฉพาะ ในลักษณะของ CAD หรือ Computer Aided Design เหมือน AutoCAD และอีกหลายๆ ตัวเลือกในตลาด… แต่ Revit ใช้หลักการสร้างระบบจำลองสารสนเทศอาคาร หรือการสร้างรูปแบบจำลองข้อมูลของอาคาร หรือ ที่คนในวงการเรียกว่า BIM ที่ย่อมาจาก Building Information Modeling แทนการเขียนแบบที่ใช้หลักการวาดเส้นเหมือนการเขียนแบบด้วยมือ หรือซอฟท์แวร์ CAD แบบเก่า
Revit มีเครื่องมือชื่อ Parametric Change Engine ที่จะทำให้ได้งานหลายอย่างที่เป็นแบบแปลนที่สมบูรณ์ หลังจากโมเดลอาคารเสร็จ
โดยสิ่งที่จะได้ติดตามมาคือ แบบก่อสร้าง รายการประกอบแบบต่างๆ ภาพทัศนียภาพ และถอดแบบวัสดุก่อสร้างอย่างคร่าวๆได้ โดยรูปแบบของการใช้งานยังเป็นระบบสามมิติสมบูรณ์แบบอีกด้วย
ระบบภายในซอฟท์แวร์ชื่อ AutoDesk Revit จะมีซอฟท์แวร์หลักถึงสามตัว คือ
- Revit Architecture เป็นโปรแกรมที่ออกแบบการใช้งานสำหรับสถาปนิกและ การเขียนแบบด้านงานสถาปัตย์โดยเฉพาะ สามารถใช้คำสั่งต่างๆ เพื่อวิเคราะห์งานทางด้านสถาปัตย์ เช่น Sun Studies หรือทำรายการประกอบแบบ (BOQ) ได้
- Revit Structure เป็นโปรแกรมที่ออกแบบไว้สำหรับวิศวกรโครงสร้างอาคารและ การเขียนแบบด้านงานวิศวกรรมโดยเฉพาะ สามารถส่งไฟล์ไปวิเคราะห์ในโปรแกรมคำนวณโครงสร้างต่างๆ ได้
- Revit MEP เป็นโปรแกรมที่ออกแบบสำหรับวิศวกรงานระบบและ การเขียนแบบด้านงานระบบโดยเฉพาะ ซึ่งประกอบด้วย งานด้านเครื่องกล (Mechanic) งานด้านไฟฟ้า (Electrical) งานด้านสุขาภิบาล (Pumbling)
และทั้ง 3 โปรแกรมสามารถนำมาทำงานร่วมกันได้ มีฟังก์ชั่นตรวจสอบความขัดแย้งในแบบ (Interference Check) เพื่อป้องกันความผิดพลาดจากการต่างคนต่างหน้าที่ออกแบบ และยังสนับสนุนการทำงานแบบหลาย Users ในไฟล์เดียว (Worksharing) ด้วย
ถ้าท่านลองค้นคำว่า “revit ดีไหม” บน Google Search… ท่านอาจจะเจอกระทู้ในพันทิป ที่สรุปภาพเปรียบเทียบระหว่าง AutoCAD รุ่นพ่อกับ Revit รุ่นลูก แบบข้อความที่ผมลอกมาครับ…
Revit คือ วิศวกรรุ่นลูกซึ่งได้วิชามาจากพ่อมากมาย พ่อส่งให้เรียนจนจบดอกเตอร์ มีความรู้เรื่องเทคโนโลยีมากมาย และทำให้งานของพ่อง่ายขึ้น รวดเร็วขึ้น แม่นยำขึ้น ลดเวลาได้เยอะขึ้น แต่คนยังไม่เห็นถึงความเก๋าของวิศวกรรุ่นลูก ไม่กล้าใช้งาน ค่าตัวแพง แต่งานออกมาจะมีประสิทธิภาพสูง
“ถ้าคุณเป็นเจ้าของโครงการสร้างคอนโด 40 ชั้น คุณจะเลือกใครทำงาน?”
เป็นความเห็นของสมาชิกพันทิปนาม Swissknife จากกระทู้ https://pantip.com/topic/35353941
ประมาณนั้นแหละครับ!!!