ความเคลื่อนไหวและการมาถึงของ AI หรือ Artificial Intelligence ซึ่งถูกฝังมากับ Smartphone ในมือของหลายๆ คนผู้ติดหนึบกับมัน โดยมีฟังก์ชั่น และ แอพพลิเคชั่นไม่น้อยที่ใส่ความสามารถของ AI มาให้ Users ได้สัมผัสและใช้งานจริงๆ ทั้งโดยตรงและขับเคลื่อนเป็นระบบหลังบ้าน… และดูเหมือน Smartphone ในปัจจุบันจะมี AI ติดมาพร้อมใช้หมดแล้ว
คำถามคือ… ท่านใช้งาน AI ใน Smartphone แบบจริงจังและตั้งใจใช้กันหรือยัง?
ตอบให้ก็ได้ครับว่าไม่… เอาแค่ตัวช่วยอย่าง Voice Command หรือ ระบบสั่งงานด้วยเสียง ทั้ง Siri ทั้ง Google Assistant และ Speech-To-Text หรือ พิมพ์ข้อความด้วยเสียง… ซึ่งหลายท่านยังเข้าใจว่า AI น่าจะต้องเก่งกว่านี้ หรือ ใช้งานได้จริงๆ ทันทีโดยไม่ต้องสอนสั่งและเลี้ยงดู… ซึ่งขัดแย้งกับข้อเท็จจริงที่ AI ในปัจจุบันยังเหมือนเด็กเล็กๆ ที่ต้องสอน หรือ ทำ AI Training และ ป้อนข้อมูลต่อเนื่องให้อีกมากๆ ก่อนจะกลายเป็น AI ในจินตนาการ หรือ AI แบบที่เห็นในหนัง… รวมทั้ง AI ระดับ Human-Level Intelligence ที่เป็นภาพหลักในหัวของหลายๆ คน
ประเด็นก็คือ… AI สำหรับองค์กรและธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้วยวิสัยทัศน์แห่งอนาคตอย่างแท้จริง กำลังกลายเป็นเรื่องเร่งด่วน ซึ่งผู้นำองค์กรและผู้นำธุรกิจส่วนหนึ่ง เห็นภาพในอนาคตและเข้าใจชัดเจนแล้วว่า จะนำ AI มาสู่ธุรกิจและการจัดการในองค์กรอย่างไร
Professor Thomas W. Malone ผู้อำนวยการ MIT Center for Collective Intelligence ที่ MIT Sloan School of Management ชี้ว่า… ความเข้าใจเกี่ยวกับความสำคัญของ AI และ Machine Learning กำลังตื่นตัวอย่างมาก โดยเฉพาะการเพิ่มขึ้นของงานวิจัย ซึ่งตีพิมพ์จากการศึกษาค้นคว้าและใช้งาน AI กับคำถามวิจัยครอบคลุมทุกกิจกรรมในธุรกิจและอุตสาหกรรม… รวมทั้งการเพิ่มขึ้นของ AI Startups ที่ตั้งหน้าตั้งตาพัฒนาและใช้งาน AI เพื่อแก้โจทย์มากมาย โดยเปิดทางให้ข้อมูลมหาศาลเกินกว่าที่มนุษย์จะสะสางได้ทั้งหมด ส่งให้ AI ไปจัดการสานต่อ และ คืนผลลัพธ์ที่มนุษย์อย่างเราเข้าใจง่าย และ ตัดสินใจได้โดยไม่ต้องใช้ “เวลา” กับข้อมูลประกอบการตัดสินใจเกินจำเป็น
ในเอกสาร Artificial Intelligence Index Report 2021 ซึ่งจัดทำขึ้นเป็นปีที่ 4 โดย Stanford’s Institute for Human-Centered Artificial Intelligence หรือ สถาบัน HAI ได้รายงานการลงทุนและความก้าวหน้าในการประยุกต์ใช้วิทยาการปัญญาประดิษฐ์เอาไว้อย่างน่าสนใจหลายประเด็น ตัวอย่างเช่น…
- การลงทุนพัฒนา AI ในธุรกิจยา โดยเฉพาะการใช้ AI พัฒนาสูตรยา ตัวยา รวมทั้งวิทยาการด้านโรคมะเร็ง และ โมเลกุลทางชีววิทยา… ซึ่งพบการลงทุนกว่า 13.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเพิ่มขึ้นจากปี 2019 ถึง 4.5 เท่า
- มีนักศึกษาสาขา AI จากทั่วโลกเดินทางเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาเอกในสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้น 64.3% จากปี 2019
- พัฒนาการของ AI ได้มาถึงหัวเลี้ยวสำคัญที่ “สิ่งสังเคราะห์จาก AI” ทั้งเสียงพูด เอกสาร และข้อมูลใหม่ ได้เป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศน์ข้อมูลที่เคยมีแต่มนุษย์ทำและใช้อยู่ก่อน โดยมนุษย์เองก็แยกแยะ “สิ่งสังเคราะห์จาก AI” แทบไม่ได้เหมือนก่อนหน้านั้นแล้ว
ข้อมูลใน AI Index Report 2021 ยังมีรายละเอียดอีกมาก แม้ส่วนใหญ่จะเป็นข้อมูลที่เก็บและรายงานโดยมี Stanford University เป็นศูนย์กลางก็ตาม… แต่สิ่งที่อยากชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนก็คือ ก่อนจะถึงยุคสมัยของการใช้งาน AI สมบูรณ์แบบ ทุกองค์กรและทุกธุรกิจต้องการ “AI Vision หรือ วิสัยทัศน์ AI” เพื่อกำหนดแผนหลายอย่าง… เพื่อให้ทันการเปลี่ยนแปลง
ถ้าเราถึงยุคพิมพ์งานด้วยเสียง… โรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยก็ไม่จำเป็นต้องสอนใช้แป้นพิมพ์ เหมือนที่โรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยเลิกสอนใช้พิมพ์ดีดโดยเปลี่ยนมาสอนคอมพิวเตอร์ตั้งแต่ยุค 90… ส่วนธุรกิจและอุตสาหกรรมที่เคยระดมสมองกันเป็นปีเพื่อพัฒนาสินค้าใหม่สักตัว… ก็คงต้องเรียนรู้ที่จะใช้ AI ช่วยคิดและรวบรวมข้อมูล เหมือนวิสัยทัศน์บริษัทยาที่ลงทุนพัฒนา AI มาพัฒนายาที่ดีกว่า… วางตลาดได้เร็วกว่า และแข่งขันกันที่ “ความฉลาดของ AI ที่เราเป็นเจ้าของ” ซึ่งเราทุกคนบนโลก ได้มาถึงช่วงเวลาที่ AI สร้างข้อมูลใหม่ๆ จากข้อมูลเริ่มต้นที่ AI เคยต้องพึ่งมนุษย์ เหมือนเด็กน้อยพึ่งพาพ่อแม่ครูอาจารย์… ซึ่งปัจจุบัน เด็กน้อยได้เติบโตเป็นเด็กมอปลาย และกำลังจะเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยแล้ว…
คำถามสุดท้ายคือ… ท่านพร้อมใช้งาน หรือ จ้างงานเด็กหัวกะทิอย่าง AI กันหรือยังครับ?
References…