3D Food Printing… ความรู้เบื้องต้น

3D FOOD PRINTING

แต่ไหนแต่ไรมา การกินอาหารถือเป็นกิจกรรมเชิงสังคมที่สำคัญต่อความสัมพันธ์หลายรูปแบบ โดยเฉพาะความสัมพันธ์ภายในครอบครัว ซึ่ง “ครัวหรือห้องเตรียมอาหาร” ในพื้นที่อยู่อาศัยทุกรูปแบบ ถือว่าเป็นพื้นที่สำคัญที่ต้องมีเพื่อเตรียมอาหารและเครื่องดื่มสำหรับสมาชิกภายในครอบครัวเป็นอย่างน้อย

แต่การมีครัวกับการมีอาหารบริการทุกคนในบ้าน เมนูอาหารมักจะถูกเตรียมเพื่อให้สมาชิกทุกคนสามารถ “กินด้วยกันได้” เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งถ้าเป็นมุมมองเชิงสังคมก็ถือว่าดีงามตามท้องเรื่อง… ในขณะที่มุมมองเชิงโภชนาการและพฤติกรรมการกินส่วนบุคคลแล้ว การต้องกินอาหารเมนูเดียวกัน รสชาติเดียวกัน เวลาเดียวกันอาจจะไม่ใช่วิธีที่เหมาะสมมากนัก หากมีทางเลือกอื่นให้สมาชิก…หลีกเลี่ยงการต้องกินอาหารเหมือนๆ กัน ในเวลาเดียวกัน อย่างพร้อมเพียงกันได้ โดยไม่มีข้อจำกัดเรื่องการเตรียมวัตถุดิบ เครื่องปรุงและการปรุง

ปัจจุบัน… นวัตกรรมด้านอาหารและการเกษตรเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา พัฒนาการของสินค้าอาหารหลากหลายรูปแบบ จึงถูกออกแบบเพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภค ทั้งในด้านคุณภาพเนื้อสัมผัส โภชนาการ รวมถึงสุนทรียภาพในการรับประทานอย่างพิถีพิถันขึ้น… จนนวัตกรรมอาหารแห่งอนาคต เห็นภาพชัดเจนบนวิสัยทัศน์ของผลิตภัณฑ์อาหารเฉพาะบุคคล หรือ Personalised Dietary ที่สามารถปรับแต่งคุณสมบัติอาหารในทุกมิติ โดยเฉพาะคุณค่าทางโภชนาการที่เหมาะสม ต่อความต้องการทางร่างกายของบุคคลแต่ละกลุ่ม เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ นักกีฬา ผู้ที่มีโรคประจำตัว หรือทหารในกองทัพที่ต้องรับการฝึกร่างกายเข้มข้นเป็นพิเศษ

นวัตกรรมอาหารที่สามารถตอบสนองความต้องการเฉพาะบุคคลขั้นนี้ จึงท้าทายพฤติกรรมและกิจกรรมการกินแบบเดิม ที่จำเป็นต้องก้าวข้ามข้อจำกัดเรื่องการเตรียมอาหารอันยุ่งยากซับซ้อน สิ้นเปลืองเวลาและใช้ทรัพยากรอย่างฟุ้มเฟือย จนต้องข้ามรายละเอียดการทำอาหารให้เฉพาะบุคคลอย่างที่เป็นมา… 

เทคโนโลยีการผลิตอาหารด้วยการพิมพ์อาหาร 3 มิติ หรือ 3D Food Printing จึงได้รับความสนใจอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา… ซึ่งมีการคาดกันว่า เทคโนโลยีสามารถตอบโจทย์อันท้าทายใหม่ของอุตสาหกรรมอาหาร ในการจัดเตรียมหรือผลิตอาหารให้เพียงพอต่อประชากรโลกที่คาดการณ์ว่าจะมีจำนวนสูงถึง 9 พันล้านคนภายในปี 2050… ซึ่งเทคโนโลยี 3D Food Printing สามารถผลิตอาหารโดยใช้ทรัพยากรและวัตถุดิบอย่างคุ้มค่า คงคุณค่าทางโภชนาการได้ครบถ้วน และไม่เกิดของเหลือทิ้งในกระบวนการและกลายเป็นขยะมากมายอย่างในอดีตและปัจจุบัน

เวบไซต์ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเทคโนโลยีการพิมพ์สามมิติเพื่อการผลิตอาหารเผยแพร่ไว้เป็นแนวทางในการประยุกต์ใช้กับผลิตภันฑ์อาหาร ที่สามารถประยุกต์เอาเทคนิคการพิมพ์สามมิติ มาขึ้นรูปอาหารทีละชั้น โดยสามารถออกแบบโครงสร้างและรูปทรงซับซ้อนได้เกือบไร้ข้อจำกัด สามารถเติมส่วนผสมสารอาหารต่างๆ เข้าไปในองค์ประกอบของอาหาร ทั้งเพื่อเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการและเพื่อดึงดูดใจผู้บริโภค และยังสามารถควบคุมปริมาณองค์ประกอบต่างๆ ได้อย่างละเอียดและแม่นยำ… โดยแบ่งเทคโนโลยีการพิมพ์อาหาร 3 มิติออกเป็น 3 เทคนิคหลักได้แก่

1. การพิมพ์แบบ Extrusion Based หรือ Fused Deposition Method หรือ FDM

เทคนิคนี้แพร่หลายมากที่สุด เนื่องจากขึ้นรูปเป็นผลิตภัณฑ์อาหารได้ง่าย และคล้ายคลึงกับกระบวนการแปรรูปอาหารแบบเครี่องอัดรีดผ่านเกลียว หรือ Food Extrusion Machine  นอกจากนี้ เครื่องพิมพ์ 3 มิติที่ใช้ ก็มีราคาไม่สูงมากสำหรับรุ่นเริ่มต้น เมื่อเปรียบเทียบกับเทคนิคอื่น… ตัวอย่างผลิตภัณฑ์อาหารที่ขึ้นรูปโดยเทคนิคนี้ ได้แก่ ช็อกโกแลต พาสต้ารูปทรงฟรีฟอร์ม เนื้อสัตว์ รวมถึงผลิตภัณฑ์อาหารผู้สูงอายุ โดยเฉพาะผู้ที่มีภาวะเคี้ยวกลืนลำบาก

2. การพิมพ์แบบ Powder Bed Fusion หรือ Selective Laser Scanning

เทคนิคนี้จะพิมพ์ประดิษฐ์ชิ้นงานโดยการเกลี่ยวัตถุดิบอาหารที่มีลักษณะเป็นผงให้เป็นชั้นบางๆ แล้วใช้ลำแสงเลเซอร์ยิงไปยังตําแหน่งที่ต้องการพิมพ์ เพื่อให้ผงวัตถุดิบหลอมตัวประสานเข้าด้วยกัน จากนั้นจึงเกลี่ยผงวัตถุดิบใหม่ สําหรับการพิมพ์ชั้นถัดไป แล้วใช้ลำแสงเลเซอร์ยิงไปยังตำแหน่งที่ต้องการ ทำซ้ำๆ จนกว่าจะได้ผลิตภัณฑ์ที่มีลักษณะตามที่ออกแบบไว้

แม้ว่าเทคนิคนี้ยังมีต้นทุนการผลิตที่สูงกว่าเทคนิค FDM แต่ก็มีศักยภาพสูงในการพิมพ์วัตถุดิบที่มีลักษณะเป็นผง และสามารถใช้ออกแบบผลิตภัณฑ์ขนมหวานที่ทำจากน้ำตาล หรือ Confectionery ให้มีขนาดและรูปร่างเฉพาะหรือซับซ้อน และยังช่วยลดปริมาณวัตถุดิบในกระบวนการผลิตได้ 

3. การพิมพ์แบบ Binder Jetting

เทคนิคนี้คล้ายกับการพิมพ์แบบ Powder Bed Fusion แต่ใช้การพ่นของเหลวที่เป็นน้ำหรือส่วนผสมวัตถุดิบอาหารอีกชนิดหนึ่งที่เรียกว่าตัวประสาน หรือ Binder เพื่อประสานผงเข้าด้วยกันในตำแหน่งที่ต้องการ… กระบวนการนี้จะทำซ้ำไปซ้ำมาตามจำนวนชั้นที่ต้องการ จนได้ผลิตภัณฑ์ที่ฝังอยู่ในผงวัตถุดิบคล้ายกับซากฟอสซิล จากนั้นจึงกำจัดวัตถุดิบส่วนที่ไม่ได้เกาะติดกับตัวประสานออกจากผลิตภัณฑ์ วัตถุดิบที่ถูกกำจัดออกยังสามารถนำกลับมาใช้ในการพิมพ์ครั้งต่อไปได้อีก ส่วนผลิตภัณฑ์ที่ได้จะนำไปผ่านกรรมวิธีต่อในขั้นตอนสุดท้ายโดยใช้กระบวนการที่เหมาะสม เช่น การให้ความร้อน อบ ทอด… ซึ่งเทคนิคนี้สามารถนำไปใช้ออกแบบผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเบเกอรี่ และ ขนมหวาน ให้มีลักษณะเนื้อสัมผัสที่เป็นเอกลักษณ์และตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภค

3D Food Printing ในปัจจุบันไม่ถือว่าเป็นของใหม่ แต่ยังถือว่าเป็นนวัตกรรมที่ต้องพัฒนาต่ออีกมาก ทั้งในเชิงเทคนิค เครื่องปรุง ส่วนผสมและวัตถุดิบต่างๆ และในอนาคตอันใกล้นี้… 3D Food Printing จะกลายเป็นเครื่องครัวในบ้านเหมือนหม้อหุงข้าว หรือ Microwave ในครัวอย่างแน่นอน

References…

Share this post

Add Properea's Friend

เพิ่ม Properea.com เป็นเพื่อนทาง Line
ท่านจะได้ Link บทความใหม่ส่งตรงให้อย่างสม่ำเสมอโดยรบกวนแต่น้อย

Related Post

Data Science: R Basics จาก Harvard

ภาษา R เป็นภาษาคอมพิวเตอร์ที่พัฒนาขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการใช้งานทางสถิติ… ภาษา R จึงได้ชื่อว่าเป็น Statistical Programming Language ซึ่ง Ross Ihaka และ Robert Gentleman ได้พัฒนาต่อยอดมาจากภาษา S ในช่วงปี 1990 โดยมุ่งหวังจะใช้เป็นเครื่องมือสอนวิชาสถิติให้กับนักศึกษาในประเทศนิวซีแลนด์… ความโดดเด่นของภาษา R อันเป็นภาษาสคริปต์ที่สามารถเขียนคำสั่งเสร็จก็รันได้ทันที และ สามารถทำงานกับข้อมูลได้อย่างยืดยุ่น… ภาษา R จึงได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว และ แพร่หลายในหมู่นักสถิติ… Data Miners และ นักวิชาการที่เครื่องมือสถิติสำเร็จรูปไม่ยืดหยุ่นพอที่จะใช้วิเคราะห์ข้อมูล

RPA For Digital Transformation

RPA… Robotics Process Automation #Digital–Transformation

ซอฟแวร์ที่ใช้ พัฒนาขั้นตอนการประกอบกิจการ ให้เกิดการทำงานอัตโนมัติ โดยเฉพาะงานทดแทนระดับ Administration ที่เคยใช้คนในหลายๆ คนจากหลายๆ ฝ่าย ขับเคลื่อนกิจการแต่เดิม… โดยทดแทนทั้งหมดนั้นด้วยซอฟท์แวร์ RPA หรือ Robotics Process Automation ได้เกือบทั้งหมด

ด่านเชียงของ

มอเตอร์เวย์เชียงราย-เชียงใหม่… ความคืบหน้า

หนังสือพิมพ์เชียงใหม่นิวส์ได้รายงานอ้างแหล่งข่าวจากหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ กรณีคณะทำงานติดตามโครงการมอเตอร์เวย์เชียงใหม่-เชียงรายได้ลงพื้นที่บริเวณบ่อเต็น-บ่อหาน ในพื้นที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ซึ่งเป็นจุดที่ก่อสร้างสถานีรถไฟตามโครงการ One Belt One Road หรือ OBOR หรือเส้นทางสายไหมใหม่ของจีน ที่จะเชื่อมโยงแต่ละประเทศในอาเซียนและทั่วโลก จุดนี้คาดว่าปี 2564 น่าจะแล้วเสร็จตามแผนที่จีนกำหนดไว้ 

Albert Einstein

In The Midst Of Every Crisis Lies Great Opportunity ― Albert Einstein

จุดเปลี่ยนอย่างแท้จริงเกิดขึ้นด้วยการรวมตัวกับเพื่อนๆ โดยเฉพาะ Conrad Habicht และ Maurice Solovine ตั้งกลุ่ม The Olympia Academy ขึ้นเพื่อพบปะพูดคุยถกปัญหาด้านวิทยาศาสตร์และปรัชญา โดยกำหนดให้แต่ละคนไปอ่านหนังสือผลงานของบุคคลที่โดดเด่นและน่าสนใจ แล้วมาอภิปรายกันว่าใครมีความคิดเห็นอย่างไร… ซึ่งเข้าทางคนที่มีพื้นฐานคิดต่างมาตั้งแต่เด็กอย่าง Albert Einstein จนสร้างจุดเปลี่ยนสำคัญทางวิทยาศาสตร์ของมนุษยชาติ ที่วิทยาศาสตร์และฟิสิกส์ไม่มีอะไรใหม่ตั้งแต่ผลงานของ Sir Isaac Newton และผลงานสนามแม่เหล็กของ James Clerk Maxwell จนมีการกล่าวว่า… ไม่มีอะไรใหม่ให้ค้นพบอีกแล้วในเรื่องฟิสิกส์ ทั้งหมดที่เหลืออยู่เป็นการวัดค่าให้แม่นยำมากยิ่งขึ้นในช่วงเวลานั้น