การลงทุนที่ดินเปล่าแบบซื้อแล้วถือยาว รอราคาสูงขึ้นจนพอใจ และขายออกทำกำไรจากการเติบโตของสินทรัพย์ เป็นรูปแบบการลงทุนที่แสนคลาสสิค ในช่วงสิบปีมานี้ ราคาที่ดินในกรุงเทพฯ ถีบตัวสูงขึ้นทุกพื้นที่ ลามออกไปถึงปริมณฑล ซึ่งก่อนนั้นก็มีเพียงสมุทรปราการ นนทบุรี ปทุมธานี แต่ในช่วงสิบปีมานี้ ปริมณฑลรอบนอกอีกชั้นที่มีสมุทรสาคร นครปฐม อยุธยาและนครนายก ได้รับอิทธิพลการเติบโตจากกรุงเทพฯ โอบอุ้มเอาไว้เป็นชานเมืองชั้นนอกของกรุงเทพไปเรียบร้อย
แน่นอนว่า ราคาที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวสูงขึ้นถึงขนาดที่ นักเศรษฐศาสตร์ที่จับตามองสัญญาณทางเศรษฐกิจ ออกอาการวิตกกังวลกับฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์ หลายวันก่อนธนาคารแห่งประเทศไทยก็คำรามใส่ธนาคารพาณิชย์เรื่อง NPL เกี่ยวกับบ้านและที่ดินแบบออกสื่อมาแล้ว ซึ่งการที่แบงค์ชาติทำแบบออกสื่อ คนข่าวสายเศรษฐกิจรู้ดีว่านั่นคือสัญญาณเตือนที่แบงค์ชาติส่งเสียงนำมาก่อนที่จะออกมาตรการอื่นๆ ที่แบงค์ชาติเห็นว่าเหมาะสมตามมาในไม่ช้า… ก็! ลดความร้อนแรงเพื่อให้ทุกอย่างไปต่อได้ ไม่โป๊ะแตกซะก่อน
กลับมาที่ที่ดินเปล่า…
การลงทุนในที่ดินเปล่า เราคงไม่ได้กังวลกับภาพรวมเศรษฐกิจแบบนั้นเท่าไหร่ มีบ้างก็เพื่อประเมินโอกาสต่างๆ ทั้งก่อนการถือครองสินทรัพย์และระหว่างถือครองอสังหาริมทรัพย์อยู่เท่านั้น
เพราะคนลงทุนในที่ดินเปล่า รู้ดีว่า “ถือต่อไปก็กำไรอยู่แล้ว”
ประเด็นอยู่ตรงที่… กำไรเฉลี่ยต่อเวลาที่ลงทุน คุ้มค่าน่าพอใจแค่ไหน?
บอกให้เลยครับว่า ถ้าที่ดินของคุณ ถ้าไม่ได้อยู่ในทำเลที่มีปัจจัยส่งเสริมอย่างรถไฟฟ้า ถนน แหล่งท่องเที่ยว ซึ่งผมมองว่า ยังคงเป็นปัจจัยเดิมๆ ที่นักลงทุนและเจ้าของที่ดินทุกคนทราบดีอยู่แล้วว่า ราคาจะพุ่งขึ้นเมื่อถนนตัดผ่าน ยิ่งถนนรองรับปริมาณการสัญจรมากเท่าไหร่ ราคาที่ดินริมทางและบริเวณใกล้เคียงก็จะเพิ่มขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย
ถ้าเป็นที่ดินในเมืองใหญ่ ที่มีการจราจรหนาแน่น ทำเลอย่างแนวเส้นทางรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน ดูเหมือนจะมีราศีเรื่องราคาที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น อย่างไม่ต้องสงสัย แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่จะบอกได้ว่า ที่ดินนอกโซนรถไฟฟ้าจะไร้ราคา
ผมกำลังจะบอกว่า… ที่ดินแปลงไหนๆ ก็ไม่ไร้ค่าหรอกครับ!
การลงทุนกับที่ดินเปล่า จึงล้วนดีงามในทัศนของผม ส่วนการเติบโตของผลตอบแทนการลงทุน ผมขอตัดตอนไปเขียนถึงคราวหน้าครับ!
… ผมละกลัวบทความที่เขียน กลายเป็นตำราขนาดยาวจริงๆ เลย!!!